svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

แบงก์ชาติไม่ปิดประตูลดดอกเบี้ย ย้ำพิจาราณา 3 ปัจจัยหลัก

ผู้ว่า ธปท. ยันพร้อมปรับนโยบายการเงิน หากเสถียรภาพทางการเงินกระทบแรงกว่าคาด ห่วงเสถียรภาพการเงินตึงตัว แบงก์ปล่อยกู้ยากขึ้น ย้ำดู 3 ปัจจัยหลัก การเติบโตเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ เสถียรภาพการเงิน

ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่างถึง กรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% ระบุว่า การพิจารณาของ กนง. มาจาก 3 ปัจจัย คือ การเติบโตทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพทางการเงิน ซึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ศักยภาพ แต่เห็นสัญญาณความเสี่ยงด้านต่ำ หลังจีดีพีไตรมาส 2 มีการลงทุนของภาคเอกชนที่ต่ำกว่าคาดการณ์ไว้มาก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ เริ่มกลับเข้าสู่กรอบล่าง 1-3% และยังไม่เห็นสัญญาณเกิดภาวะเงินฟืด แต่สิ่งที่กังวล คือเรื่องเสถียรภาพทางการเงิน โดยเฉพาะกรณีที่สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากกว่าความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจริง แต่ยังไม่ถึงขั้นเกิดภาวะตึงตัวในระบบการเงิน 

ดังนั้นธนาคารแห่งประเทศไทย จะดูพัฒนาการในระยะต่อไป แต่ก็พร้อมปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินให้มีความเหมาะสมตามสภาวะที่เปลี่ยนแปลงไป หากสินเชื่อตึงตัวมากกว่าที่ควรจะเป็น 

แบงก์ชาติไม่ปิดประตูลดดอกเบี้ย ย้ำพิจาราณา 3 ปัจจัยหลัก

” เราโอเพ่นมากขึ้นในการปรับเปลี่ยนนโยบายดอกเบี้ยต่างๆ ตามสภาวะที่เปลี่ยนแปลงไป หากความเชื่อมโยงทางการเงินที่ตึงตัวจนกระทบต่อเครดิตคลอลิตี้แรงกว่าควรก็พร้อมปรับเปลี่ยนนโยบายให้สอดคล้องซึ่งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ที่มีการคุยกันอยากให้สะท้อนออกไปว่า กนง. มีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ย เพราะว่า แต่พอมีการพูดเรื่องเสถียรภาพทางการเงินเยอะ ทำให้คนตีความตรงนั้น  ซึ่งไม่ได้สะท้อนถึงความคิดของ กนง.” 

ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เสนอแนวทางการพิจารณาลดเงินจ่ายเข้ากองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือ FIDF ลงครึ่งหนึ่ง จาก 0.47% เหลือ 0.23% นั้น ผู้ว่า ธปท. ระบุเพียงว่ายังเร็วไปที่จะให้คำตอบ 

 

ด้านสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า ปัจจุบันการที่สถาบันการเงินนำส่งเงินเข้ากองทุน FIDF 0.46% เพื่อชำระดอกเบี้ยประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาทต่อปี จากยอดเงินต้นที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล 5.8 แสนล้านบาท และจะลดลงเหลือ 5.5 แสนล้านบาทในเดือนกันยายนนี้ จากการนำส่งเงินเข้ากองทุนของสถาบันการเงินในรอบล่าสุด ซึ่งหากลดเงินนำส่งลงไปครึ่งหนึ่ง จะทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 5 พันล้านบาทต่อปี และทำให้ยอดหนี้คงค้างหมดช้าลง

แบงก์ชาติไม่ปิดประตูลดดอกเบี้ย ย้ำพิจาราณา 3 ปัจจัยหลัก

ส่วนคำถามเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดใหม่ ผู้ว่า ธปท. ระบุว่า ที่ผ่านมา ธปท. ทำงานประสานร่วมกับรัฐบาล และกระทรวงการคลังเป็นไปด้วยดีมาโดยตลอด แต่ไม่ได้เผยแพร่ออกสู่สาธารณะชน ธปท. กับกระทรวงการคลัง สวมหมวกคนละใบ ธปท. ต้องดูแลเรื่องเสถียรภาพ ส่วนกระทรวงการคลังนั้น ต้องดูแลเรื่องอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมทำงานร่วมกันตลอดเวลา แต่ประชาชนให้ความสนใจความคิดเห็นที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่ง ธปท. ยังคงสนับสนุนให้ช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเปราะบาง 
 

ส่วนกรณีที่ประธานเฟด ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย ผู้ว่า ธปท. ระบุว่า เฟด ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ไม่ได้นอกเหนือจากที่คาดการณ์ไว้ ส่วนจะเป็นแรงกดดันให้ไทยลดดอกเบี้ยตามหรือไม่นั้น ย้ำว่านโยบายการเงินของไทย ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเป็นหลัก แต่ก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยที่กระทบ เช่น นโยบายการเงินของประเทศหลัก ที่กระทบต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายและอัตราแลกเปลี่ยน