svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

 จับตา “ณุศาศิริ” เคลียร์ปมร้อนหุ้นกู้-หนี้สิน 2,352 ล้านบาท

14 มีนาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตลท.หวั่น “ณุศาศิริ”มีปัญหาสภาพคล่องจี้แจงข้อเท็จจริงหุ้นกู้-หนี้สิน  2,352 ล้านบาท  ขณะที่ฝ่ายบริหารยันมีเงินเพียงพอชำระหนี้  คาดประธานบอร์ดคนใหม่ เตรียมแถลงรายละเอียดอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ ส่วนงบบริษัทฯ ขาดทุนสะสม 3,888 ล้านบาท

ส่อเค้าวุ่นอีกบริษัท  หลังตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ บมจ. ณุศาศิริ   (NUSA) ชี้แจงข้อเท็จจริงที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสภาพคล่อง และความสามารถในการชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้และหนี้ต่างๆ ของบริษัท และการดำเนินธุรกิจของบริษัท กรณีปรากฏข้อมูลในงบการเงินประจำปี 2566 ว่า บริษัทมีเงินสด 39 ล้านบาท แต่มีหุ้นกู้และหนี้สินที่ครบกำหนดชำระใน 1 ปี รวม 2,352 ล้านบาท

ขณะที่ NUSA ได้ทำหนังสือชี้แจงสถานะทางการเงินของบริษัทว่า  ณ 31 ธันวาคม 2566 มีอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์คิดเป็น  0.58%  ซึ่งคํานวณจากราคาสินทรัพย์ ประเภทที่ดินของบริษัท ในราคาทุน โดยราคาตลาดของที่ดินมีราคาสูงกว่าราคาทุนมาก อาทิ ที่ดินที่เขาใหญ่ หรือ สัตหีบ

 ส่วนกู้ของบริษัท NUSA242A ซึ่งครบกําหนดวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 ได้มีการชําระเงินต้นทั้งจํานวนแล้วเสร็จตามกําหนด และหุ้นกู้ของ บริษัทและบริษัทในเครือ เป็นหุ้นกู้มีหลักประกันเป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยสูงกว่า 1.2 เท่า  นอกจากนี้ บริษัทมีการประมาณการกระแสเงินสดตลอดปี 2567 ที่เพียงพอต่อกําหนดการชําระหนี้ทุกประเภท

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทฯอยู่ในระหว่างการรอเข้ามาปฎิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัทตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ซึ่งคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่ได้มีแผนการดําเนินการบริหาร บมจ.ณุศาศิริตามวาระการเสนอเพิ่มกรรมการใหม่ และปรับโครงสร้างคณะกรรม การบริษัท ทั้งนี้ทางบริษัทจะได้รายงานความคืบหน้าตามประเด็นความสามารถชําระหนี้ให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับทราบอีกครั้งหนึ่ง โดยประธานคณะกรรมการบริษัทฯ คนใหม่

 จับตา “ณุศาศิริ” เคลียร์ปมร้อนหุ้นกู้-หนี้สิน 2,352 ล้านบาท


นอกจากนี้ในรายงานงบปี 66 พบว่า กลุ่มบริษัทมีแผนที่จะออกและเสนอขายหุ้นกู้เพิ่มเติมในปี 2567 เพื่อนำมาชำระหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนภายในหนึ่งปี รวมทั้งเพื่อจ่ายชำระหนี้แก่เจ้าหนี้และใช้ในการดำเนินงาน

โดยการออกหุ้นกู้ดังกล่าวจะค้ำประกันด้วยสินทรัพย์โครงการของกลุ่มบริษัทที่ยังปลอดภาระค้ำประกันและที่ปัจจุบันใช้ค้ำประกันหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนภายในหนึ่งปีที่จะทยอยปลอดภาระค้ำประกันเมื่อชำระคืนตามที่ครบกำหน

ทั้งนี้กลุ่มบริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถออกและจำหน่ายหุ้นกู้ตามแผนได้ เนื่องจากผู้บริหารมั่นใจว่านักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่นต่อกลุ่มบริษัท นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าหนี้ และคู่ค้าทางธุรกิจรายอื่น ๆ เพื่อขอขยายเวลาการชำระหนี้ที่ครบกำหนดชำระ

รวมทั้งอยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนการปรับปรุงการดำเนินงานและแผนธุรกิจ เพื่อสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงานและกลับมาอยู่ในสถานะที่ทำกำไรอีกครั้งให้สำเร็จในอนาคต กลุ่มบริษัทเชื่อมั่นว่ากลุ่มบริษัทจะยังคงสามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง  โดยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือมาร์เก็ตแคป  ณ 13 มี.ค. 67 อยู่ที่ 5,487.81  ล้านบาท ราคาหุ้นปิด ณ 13 มี.ค.67 อยู่ที่หุ้นละ 0.42 บาท 

หากส่องรายชื่อผู้ถือหุ้นมีรายละเอียดดังนี้

1. บริษัท ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง ถือหุ้น  3,263,716,150  หุ้น  สัดส่วน 24.98%

2.นาย ประเดช กิตติอิสรานนท์ ถือหุ้น   1,136,651,000 หุ้น สัดส่วน    8.70%

3. บริษัท ดีดี มาร์ท โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น  1,013,107,400 หุ้น สัดส่วน 7.75%

4. น.ส. เจนจิรา กิตติอิสรานนท์ ถือหุ้น   476,247,100 หุ้น สัดส่วน 3.64%

5. น.ส. นันทิดา กิตติอิสรานนท์ ถือหุ้น   460,181,800 หุ้นสัดส่วน 3.52%

6. นาย วิษณุ เทพเจริญ ถือหุ้น 459,889,304 หุ้น สัดส่วน  3.52%

7. นาย ไพโรจน์ ศิริรัตน์ถือหุ้น  363,039,481 หุ้น สัดส่วน 2.78%

8. บริษัท อินเตอร์-ไฮ (ประเทศไทย) 2011 จำกัด หุ้น  ถือหุ้น 360,000,000 หุ้น สัดส่วน 2.76%

9. น.ส. อาทิกา ท่อแก้ว  ถือหุ้น  314,080,217 หุ้น 2.40%

10. น.ส. ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์  ถือหุ้น  279,280,993 หุ้น  2.14%

สินทรัพย์รวม

  • ปี 62  มูลค่า 11,044.12  ล้านบาท
  • ปี 63  มูลค่า 10,717.35 ล้านบาท
  • ปี 64  มูลค่า 11,328.15  ล้านบาท
  • ปี 65  มูลค่า 15,528.78  ล้านบาท
  • ปี 66 มูลค่า  15,708.01  ล้านบาท

หนี้สินรวม

  • ปี 62  มูลค่า  5,170.50 ล้านบาท
  • ปี 63  มูลค่า 5,738.94 ล้านบาท
  • ปี 64  มูลค่า 6,734.77 ล้านบาท
  • ปี 65  มูลค่า 6,112.64  ล้านบาท
  • ปี 66 มูลค่า  5,785.98 ล้านบาท

รายได้รวม

  • ปี 62  มูลค่า   1,585.79 ล้านบาท
  • ปี 63  มูลค่า  709.92 ล้านบาท
  • ปี 64  มูลค่า  1,651.32 ล้านบาท
  • ปี 65  มูลค่า  1,801.49 ล้านบาท
  • ปี 66 มูลค่า  1,664.82 ล้านบาท

ขาดทุนสุทธิ

  • ปี 62  มูลค่า   653.19 ล้านบาท
  • ปี 63  มูลค่า  928.08 ล้านบาท
  • ปี 64  มูลค่า  889.13 ล้านบาท
  • ปี 65  มูลค่า  417.22 ล้านบาท
  • ปี 66 มูลค่า  708.88 ล้านบาท


ทั้งนี้กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายปี และ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 มีหนี้สินหมุนเวียนรวมสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนรวมจำนวน 1,166 ล้านบาท และมีขาดทุนสะสมรวมจำนวน 3,888 ล้านบาท โดยหนี้สินหมุนเวียนดังกล่าวได้รวมถึงหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนภายในหนึ่งปีจำนวน 1,185 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม บริษัทระบุว่า ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังคงส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกิจกรรมทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทในส่วนที่เกี่ยวกับการขายและการให้บริการจากการชะลอการตัดสินใจซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหา ริมทรัพย์ และการชะลอการใช้จ่ายของผู้บริโภค

รวมถึงการปิดกิจการโรงแรมเป็นการชั่วคราวอาจมีผลกระทบต่อแผนธุรกิจในอนาคตของกลุ่มบริษัท ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน และกระแสเงินสด ในปัจจุบันและในอนาคตของกลุ่มบริษัท ฝ่ายบริหารของกลุ่มบริษัทมีการติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์ดังกล่าวและประเมินผลกระทบทางการเงินเกี่ยวกับมูลค่าของสินทรัพย์ประมาณการหนี้สินและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง  

ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และกำลังซื้อที่หดตัวกระทบต่อยอดขายอสังหาริมทรัพย์อย่างถ้วนหน้า  ขณะที่ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่สูงขึ้นก็เป็นปัจจัยฉุดรั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เช่นกัน

แม้ว่าบริษัทฯ จะออกมาแจงเบื้องต้นว่ามีเงินเพียงพอในการชำระหนี้ทุกประเภท   แต่คงต้องรอฝ่ายบริหารออกมาแถลงการณ์อย่างเป็นทางการอีกครั้งเพื่อให้รับรู้ถึงสถานะทางการเงินที่แท้จริง ว่าจะต่อคิวเป็นบริษัทที่ประสบวิกฤติทางการเงินหรือไม่.....

 

 

logoline