สถาบันการเงินประกาศแจ้งการเก็บค่าธรรมเนียม Dyna mic Currency Conversion Fee (DCC Fee) เมื่อทำรายการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต โดยมีผลบังคับใช้ 1 พ.ค.นี้ สำหรับรายการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตวีซ่า มาส เตอร์การ์ดในการซื้อสินค้า หรือบริการ
ด้วยสกุลเงินบาท ที่ร้านค้าและร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ และการกดเงินสดด้วยสกุลเงินบาทผ่านตู้ ATM ในต่างประเทศ จะถูกเรียกเก็บ ค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาทในอัตรา 1% ของยอดใช้จ่าย ยอดกดเงินสด โดย NationSTORY พาไปทำความรู้จัก DCC Fee มีรายละเอียดดังนี้
- DCC Fee (Dynamic Currency Conversion Fee) คืออะไร
ค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาท หรือ Dynamic Currency Conversion fee (DCC fee) โดยที่จะเรียกเก็บสำหรับ รายการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในการซื้อ สินค้า บริการ หรือ การกดเงินสดที่เป็นสกุลเงินบาท ที่ร้านค้าต่างประเทศ (รวมถึงร้านออนไลน์ที่จดทะเบียนต่างประเทศ) ในอัตรา 1% ของยอดใช้จ่าย
- ค่าธรรมเนียมรายการใช้จ่ายในร้านค้าต่างประเทศด้วยสกุลเงินบาท จะถูกเรียกเก็บกับบัตรเครดิตประ เภทใดบ้าง
บัตรเครดิตวีซ่า และมาสเตอร์การ์ดทุกประเภทรวมถึงทั้งบัตรหลักและบัตรเสริม
- อัตราเรียกเก็บค่าบริการเท่าไหร่
เรียกเก็บอัตรา 1% ของยอดใช้จ่ายในร้านค้าต่างประเทศหรือร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ
* จองโรงแรมที่เป็นโรงแรมในต่างประเทศกับ booking. com โดยชำระเป็นสกุลเงินไทยจำนวน 3,000 บาท จะมีค่าบริการ DCC fee 1% ของยอด 3,000 บาท คือ 30 บาท
*ค่าบริการเติมเงินซื้อเกมร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศผ่าน app store จำนวน 100 บาท จะมีค่าบริการ DCC fee 1% ของยอด 100 บาท คือ 1 บาท
- ค่าธรรมเนียม 1% คิดอย่างไร
คิดค่าใช้จ่าย 1% จากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรด้วยสกุลเงินบาท โดยคิดจากยอด ณ วันที่บันทึกรายการใช้จ่าย
- ค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะมีผลเรียกเก็บวันที่เท่าไร
รายการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตตั้งวันที่ 1 พ.ค. 2567 เป็นต้นไป และจะถูกเรียกเก็บ ณ วันที่มีการบันทึกรายการ
- ทำไมต้องมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม DCC
เพื่อให้สอดคล้องกับหลักปฏิบัติของธุรกิจบัตรเครดิต การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ร้านค้าต่างประเทศ รวมถึงร้านออน ไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศจะมี ค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนแปลงสกุลเงิน ต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาท
- การเก็บค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ประเภทไหนบ้าง
การไปรูดบัตรที่ต่างประเทศและเลือกสกุลเงินไทย รวมถึงร้าน Online ที่จดทะเบียนต่างประเทศ เช่น AIRASIA BERHAD, NETFLIX, APPLE, TikTok, AGODA, Booking, Klook, IHERB, ALIPAY, TAOBAO, PAYPAL, FACEBOOK, GOOGLE, AIRBNB, EXPEDIA, EBAY, SPOTIFY, ALIBABA, TRIP.COM, STEAMGAMES, VIU, AMAZON เป็นต้น
- การกดเงินสดด้วยสกุลเงินบาทผ่านตู้ ATM ในต่างประเทศ จะถูกเรียกเก็บ ค่าธรรมเนียมหรือไม่
ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียม1 % ของยอดกดเงิน
- กรณีผู้ถือบัตรกดเงินสดด้วยสกุลเงินบาทผ่านตู้ATM ในต่างประเทศ ธนาคารจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง
เมื่อลูกค้าทำรายการ Cash Advance ในต่างประเทศ ธนาคารจะคิดค่าธรรมเนียมดังนี้
* ค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า 3% ของจ านวนเงินที่เบิกถอนเงินสดด้วยบัตรเครดิต - VAT 7% ของค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสด
* ค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาท 1% ของจำนวนเงินที่เบิกถอนเงินสดด้วยบัตรเครดิต เป็นสกุลเงินบาท
หมายเหตุ: กรณีที่ผู้ถือบัตรทำรายการเบิกเงินสดผ่านเครื่อง ATM ในต่างประเทศ ผู้ถือบัตรอาจต้องชำระค่าธรรมเนียมการ เบิกถอนเงินสดระหว่างประเทศตามอัตราที่ธนาคารเจ้าของเครื่อง ATM นั้น ๆ กำหนด (Access Charge Fee)
- กรณีมีการยกเลิกรายการ ค่าธรรมเนียม 1% จะได้หรือไม่
กรณีมีการยกเลิกรายการ ค่าธรรมเนียม 1% จะมีการคืนเข้าบัญชีบัตรเครดิตภายใต้บัญชีบัตรหลัก (รวมทั้งบัตรหลักและบัตรเสริม)
อย่างไรก็ตาม การขึ้นค่าธรรมเนียมครั้งนี้เฉพาะบัตร VISA และ Mastercard คิดอัตรา 1% ของยอดใช้จ่าย ยกเว้น JCB ยังไม่มีการเรียกเก็บ
-ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินและค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาทต่างกันอย่างไร
หากผู้ถือบัตรเครดิตชำระค่าสินค้า บริการ หรือเบิกเงินสดเป็ นสกุลเงินตราต่างประเทศ ผู้ถือบัตรจะต้องชำระค่า ความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินตราต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาท ในอัตราไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย (สกุลเงิน ต่างประเทศอื่นต้องแปลงเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐก่อนการแปลงเป็นสกุลเงินบาท)
แต่หากผู้ถือบัตรเครดิตชำระค่าสินค้า บริการ หรือเบิกเงินสดเป็นสกุลเงินบาท ธนาคารจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม การแปลงสกุลเงินต่างประเทศเป็ นสกุลเงินบาท ในอัตรา 1% ของยอดใช้จ่าย