เปิดสถิติโมบายแบงก์กิ้งล่ม แบงก์ไหนมากสุดเช็กเลย 

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า  จากรายงานสถิติข้อมูลระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขัดข้องของธนาคารพาณิชย์ในปี  66 ที่ผ่านมาพบว่า ธนาคารพาณิชย์ระบบล่มทั้งหมด 19 ครั้ง รวมระยะเวลา 26 ชั่วโมง โดยมีรายละเอียดดังนี้

- ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบบโมบายแบงก์กิ้งขัดข้อง หรือแอปแบงก์ล่มมากที่สุดถึง 6 ครั้ง รวมระยะเวลา 4 ชั่วโมง แบ่งเป็นไตรมาส 1/2566 ล่มจำนวน 2 ครั้ง นาน 1 ชั่วโมง   ไตรมาส 3/2566 ล่มจำนวน 2 ครั้ง นาน 1 ชั่วโมง และไตรมาส 4/2566 ล่ม 2 ครั้ง นาน 2 ชั่วโมง 

- ธนาคารธนาคารกรุงเทพ แอปแบงก์ล่ม  จำนวน 4 ครั้ง รวมระยะเวลาล่มทั้งหมด 6-7 ชั่วโมง

- ธนาคารทหารไทยธนชาต ล่มจำนวน 4 ครั้ง รวม 5 ชั่วโมง

- ธนาคารกรุงไทย ล่มจำนวน 2 ครั้ง รวม 3 ชั่วโมง

- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ล่มจำนวน 1 ครั้ง รวม 2 ชั่วโมง

- ธนาคารกสิกรไทย ล่มจำนวน 1 ครั้ง รวม 2 ชั่วโมง

- ธนาคารยูโอบี ที่ล่ม 1 ครั้ง นานถึง 3 ชั่วโมง 

  

นอกจากนี้การทำธุรกรรมการชำระเงินผ่านโมบายแบงก์กิ้ง และอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ส่วนใหญ่มาจากโทรศัพท์มือถือโดยตัวเลขเดือน พ.ย.66 มีจำนวนบัญชีลูกค้าที่ใช้บริการโมบาย แบงกิ้งทั้งสิ้น 106,439,691 บัญชี เพิ่มขึ้น 10,794,163 บัญชีหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 

สำหรับปริมาณรายการธุรกรรมทั้งสิ้น 2,679,189,000 รายการ เพิ่มขึ้น 642,628,000 รายการ คิดเป็นมูลค่าการทำรายการผ่านโมบายแบงกิ้งทั้งสิ้น 5.802 ล้านล้านบาท  นอกจากนี้คนไทยกลับใช้บริการอินเทอร์เน็ต แบงก์กิ้งลดลง จากยอดเดือน พ.ย.65 ที่ผ่านมามีการใช้ทั้งสิ้น 41,115,075 บัญชี แต่เดือน พ.ย.66 เหลืออยู่ที่  27,995,116 บัญชี

ขณะที่มูลค่าการทำรายการทั้งสิ้น 2.878 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ย.65 จำนวน 118,000 ล้านบาท เนื่องจากธุรกรรมที่ทำผ่านอินเตอร์เน็ต แบงกิ้ง จะมีมูลค่าต่อรายการสูง

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาธปท.ได้ออก หลักเกณฑ์การกำกับดูแลความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยได้ระบุถึงบทลงโทษหากระบบโมบายแบงก์กิ้งของสถาบันการเงินขัดข้องนานเกินที่กำหนด

ซึ่งได้กำหนดว่าระบบโมบายแบงก์กิ้งของธนาคารจะขัดข้อง หรือล่มได้ไม่เกิน 8 ชั่วโมงภายใน 1 ปี คือการล่มต้องหยุดชะงัก แต่ถ้าหากล่มนานเกิน 8 ชั่วโมงต่อปี จะมีบทลงโทษตามระดับความรุนแรงเริ่มจากตักเตือน สั่งให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข จนโทษสูงสุดคือโทษปรับสูงสุด 500,000 บาทต่อครั้ง และหากไม่ดำเนินการแก้ไขจะปรับเพิ่ม 5,000 บาทต่อวัน