
นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล. กรุงศรีพัฒนสิน เปิดเผยกับ Nation Onlineว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า “ฟื้นตัว” แรงหนุนมาจาก ความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวภายใน และภายนอกจากเศรษฐกิจจีนที่มีสัญญาณบวกนำเข้า – ส่งออก
ขณะที่เงินเฟ้อภายในประเทศคาดว่าทรงตัวระดับต่ำ ความชัดเจนเรื่องการปรับขึ้นค่าแรง นโยบาย E-Refund หนุนมุมมองบวกเศรษฐกิจภายในระยะถัดไป ประกอบกับเม็ดเงินจากกองทุน TESG ทยอยเข้าสู่ตลาดหนุน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย
ข้อมูลในประเทศที่ต้องติดตาม
ด้านกลยุทธ์การลงทุน เน้นหุ้นอิงเศรษฐกิจภายในประเทศ เชื่อมโยงจีน และวงจรดอกเบี้ยสิ้นสุดที่กองทุน TESG จะเพิ่มน้ำหนัก อาทิ AOT, CPALL, CRC, GPSC, BGRIM, IVL, SCGP, PTTGC, SAWAD อย่างไรก็ตาม ประเมินแนวต้านแรกที่ 1,405 จุด แนวต้านถัดไปที่ 1,411จุด แนวรับแรกที่ 1,366 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,350 จุด
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย (PI) เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้ากับ Nation Online ว่าวันศุกร์ที่ผ่านมาประธาน FED ได้ออกมาแถลงในเชิงว่ายังเร็วเกินไปที่จะประกาศชัยชนะกับเงินเฟ้อและยังคงเน้นย้ำระดับเงินเฟ้อเป้าหมายที่ 2% พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่าอาจจะเร็วเกินไปที่จะมั่นใจว่าทาง FED ได้บรรลุจุดยืนเข้มงวดที่เพียงพอแล้วหรือคาดเดาว่านโยบายจะผ่อนคลายลงเมื่อใดและพร้อมจะใช้นโยบายเข้มงวดหากมีความเหมาะสม
อย่างไรก็ตา มแม้จะแสดงความเข้มงวดเล็กน้อยแต่ขณะเดียวกัน ก็ส่งสัญญาณต่อความผ่อนคลายบ้าง อาทิ การดำเนินนโยบายข้างหน้าของ FOMC จะกระทำอย่างระมัดระวังมากขึ้น เงินเฟ้อแม้ปัจจุบันยังเหนือกว่าเป้าหมายของ FED แต่กำลังเคลื่อนที่ไปในทางที่ถูกต้อง ในขณะเดียวกันสหรัฐฯได้รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคผลิตจากสถาบัน ISM ที่ 46.7 ต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 47.9
ซึ่งภายหลังจากที่นักลงทุนทราบข้อมูลทั้งหมดพบว่า US Bond Yield ปรับลงต่อเนื่องทั้งอายุ 2 และ 10 ปี พร้อมกับ CME FED Watch ให้น้ำหนักกว่า 98.8% ที่ FED จะคงดอกเบี้ยนโยบายระดับเดิมในการประชุมกลางเดือน ธ.ค. และยังปรับมุมมองลดดอกเบี้ยมาอยู่ในช่วง มี.ค. 24
โดยสัปดาห์นี้ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ภาคแรงงานในสหรัฐฯโดยวันอังคารจะมีการรายงานตำแหน่งเปิดรับสมัครงาน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 9.3 ล้านตำแหน่งและในวันเดียวกันจะมีการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 52.5
สำหรับวันพุธจะมีการจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP Bloom berg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.2 แสนรายและวันศุกร์ตัวเลขสำคัญกับการจ้างงานนอกภาคเกษตรของของสหรัฐฯและอัตราการว่างงาน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.85 แสนรายและ 3.9% เชื่อว่าตลาดอยากเห็นตัวเลขเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ เพื่อให้คลายกังวลกับดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ
ส่วนในประเทศรอติดตามเงินเฟ้อประจำเดือน พ.ย. ในวันพฤหัสบดี Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 0.6%YoY , -0.1%MoM มองเป็นปัจจัยหนุนว่าดอกเบี้ยธนาคารแห่งประเทศไทยเดินทางมาถึงจุดสูงสุดแล้วจากระดับเงินเฟ้อต่ำและเป็นบวกกับกลุ่มการเงิน (MTC SAWAD TIDLOR)
สัปดาห์นี้คาด SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,360 – 1,400 จุด เชิงกลยุทธ์ การลงทุนยังมองดัชนีล่าสุดเหมาะสำหรับลงทุนระยะกลางเน้นที่หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ
- ค้าปลีก (BJC, CPALL, HMPRO)
- ท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, MINT)
- ธนาคารพาณิชย์ (BBL, KBANK, SCB)
- ศูนย์การค้า (CPN)
- สื่อสาร (ADVANC)
- การเงิน (TIDLOR)
ด้านบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้า มีแนวรับแรกที่ 1,375 และแนวรับถัดไปที่ 1,360 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 1,410 จุด
โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ของไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM ดัชนี PMI ภาคบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนพ.ย.
รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการบริการเดือนพ.ย. ของจีน ญี่ปุ่นและยูโรโซน ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนตัวเลขนำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย. ของจีน