รายงานข่าวจากบลจ.กสิกรไทยแจ้งว่า จากกรณีที่ Silicon Valley Bank (SVB) ถูกรัฐบาลสหรัฐฯสั่งปิด และเข้าควบคุมกิจการเนื่องจากขาดสภาพคล่องนั้น บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) ขอแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบว่า บลจ.กสิกรไทย ไม่มีการลงทุนตรงใน SVB แต่มีการลงทุนทางอ้อมผ่านกองทุนหลักในสัดส่วนที่น้อยมาก จึงทำให้ได้รับผลกระทบน้อยมากและผันผวนในระยะสั้นเท่านั้น
ทั้งนี้ ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงจะยังคงมีความผันผวนและได้รับแรงกดดันจากความกังวลต่อภาคธนาคารของสหรัฐฯ แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะเข้ามาดูแลปัญหาของ SVB ได้อย่างรวดเร็วแล้วก็ตาม ซึ่งต้องจับตาดูต่อไปว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและกลับมา สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฝากเงินและผู้ลงทุนได้มากน้อยเพียงใด
อย่างไรก็ดี บลจ.กสิกรไทย ประเมินว่าเหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะไม่ลุกลามและอยู่ในกรอบจำกัด โดยอาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกได้ในระยะสั้น แต่มองว่าเป็นโอกาสเข้าลงทุนในระยะยาว
บลจ.กสิกรไทย แนะนำให้ผู้ลงทุนพิจารณาหรือชะลอการลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐฯ โดยประเมินสถานการณ์ก่อนการลงทุน ส่วนกองทุนหุ้นเอเชีย กองทุนหุ้นจีน และกองทุนหุ้นไทย รวมถึงกองทุนตราสารหนี้ทั้งไทยและต่างประเทศ ยังคงเข้าลงทุนได้
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย (KTAM) ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการการลงทุน (AIMC) กล่าวว่า จากการตรวจสอบในเบื้องของทางสมาคม พบว่า บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ทุกกองไม่มีการลงทุน โดยตรงในหุ้นของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ (SVB)
แต่กองทุนต่าง ๆ ที่มีการลงทุนในสหรัฐ ทั้งหมดเป็นการลงทุนผ่านกองทุนรวมในต่างประเทศหรือกองทุนหลัก ซึ่งมีสัดส่วนค่อนข้างน้อยที่เข้าไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ SVB คิดเป็นสัดส่วนราว 1-2% ณ สิ้นปี 65 เท่านั้น จึงมองว่าไม่น่าจะมีผลกระทบ นอกจากนี้ปัญหา SVB ไม่ใช่แบงก์ขนาดใหญ่เหมือนปัญหาที่เกิดขึ้นในปี 2008 และเน้นการปล่อยกู้ให้กลุ่มสตาร์อัพเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแต่ละ บลจ.มีมาตรการดูแลรับผิดชอบหากเกิดปัญหาขึ้นอยู่แล้ว
นอกจากนี้เห็นว่าปัญหา SVB จะเป็นเรื่องเฉพาะเจาะจง แต่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบด้าน sentiment และไม่น่าเกิดผลกระทบระยะยาว เพราะการจัดการปัญหาไม่ได้ยุ่งยาก แต่ก็ต้องต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด