"เฟด" เดินหน้าขึ้น"ดอกเบี้ย" สกัดเงินเฟ้อ

รายงานข่าวจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)แจ้งว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมเมื่อวันพุธ (1 ก.พ.) ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่เฟดกำลังปราบตัวเลขเงินเฟ้อที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนึ้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 8 ตั้งแต่เดือน มี.ค. ปีที่แล้ว มีขึ้นหลังจากเอฟโอเอ็มซีมีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเมื่อเดือน ธ.ค. 2565 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2550

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธ (1 ก.พ.) โดยระบุว่า เงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มชะลอตัวลง แต่เร็วเกินไปที่จะประกาศชัยชนะในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ โดยเราเพิ่งจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของภาวะเงินเฟ้อที่ลดลง แต่ภารกิจการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่จบ  โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากการบริการที่อยู่อาศัย (housing services) จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก ก่อนที่จะชะลอตัวลงหลังจากนั้น

นอกจากนี้เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2-3 ครั้ง เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% เพราะเงินเฟ้อในปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับที่ร้อนแรงมากและอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเพื่อคุมเงินเฟ้อ 

"นายพาวเวลล์ระบุว่า  เฟดจะสามารถฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ได้ โดยไม่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างรุนแรง หรือทำให้อัตราว่างงานพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้ง แม้ว่าเฟดใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม" 

นอกจากนี้นายพาวเวลล์ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เหมือนกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ โดยระบุว่า เมื่อพิจารณาจากมุมมองแล้ว ไม่คิดว่าเราจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้