อุปนายก ส.อสังหาฯ หนุนรัฐไฟเขียวต่างชาติซื้อห้องชุด เชื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจ

25 มิถุนายน 2567 จากกรณีมหาดไทยเตรียม ชง คณะรัฐมนตรี "ครม." เคาะกฎหมายไฟเขียวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุด จากเดิมไม่เกิน 49% เป็นไม่เกิน 75% เช่าได้ไม่เกิน 99 ปีนั้น 

ด้านอุปนายก สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และผู้ทรงคุณวุฒิทางเศรษฐกิจ จ.ชลบุรี คุณมีศักดิ์ ชุณหรักษ์โชติ เปิดเผยกับ "เนชั่นทีวี" ว่า เข้าใจว่ารัฐบาลต้องการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้โตขึ้น หากมีการขายอสังหาฯในประเทศได้ก็จะช่วยดึงเม็ดเงินต่างชาติเข้ามาในประเทศมากขึ้น 
 

เพราะปัจจุบันต้องยอมรับว่า มีต่างชาติแฝงตัวเข้ามาครอบครองที่อยู่อาศัย และประกอบธุรกิจในไทยผ่านนอมินีอยู่แล้ว ยกตัวอย่างข้อมูล บริษัทที่จดทะเบียนประกอบธุรกิจในไทย มีคนไทยถือหุ้น 51% ต่างชาติ 49% อาจมองได้ว่าเข้าข่ายว่าใช้คนไทยเป็นนอมินี อย่างพื้นที่ จ.ชลบุรี มีบริษัทประกอบกิจการทั้งหมด 56,756บริษัท มีบริษัทที่เข้าข่ายเป็นนอมินี 16,481แห่ง หรือคิดเป็น 29.04%จากบริษัททั้งหมด

ภูเก็ต มีบริษัทประกอบกิจการทั้งหมด 26,292บริษัท มีบริษัทเข้าข่ายนอมินี 7,548แห่ง คิดเป็น 28.71%

สุราษฎร์ธานี  มีบริษัทประกอบกิจการทั้งหมด 17,713 บริษัท มีบริษัทเข้าข่ายนอมินีถึง 7,703 แห่ง หรือคิดเป็น 43.49% จากบริษัททั้งหมด

ประจวบคีรีขันธ์ มีบริษัทประกอบกิจการทั้งหมด 5,462 บริษัท มีบริษัทเข้าข่ายนอมินี 1,937 แห่ง หรือคิดเป็น 35.46%

ดังนั้น  แนวนโยบายของรัฐบาลครั้งนี้ "ยอมรับว่าเป็นประเด็นที่อ่อนไหว แต่เห็นด้วยในประเด็นให้ต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัยได้เท่านั้น ไม่เห็นด้วยกับการให้ซื้อหรือเช่าระยะยาวเพื่อลงทุนทำธุรกิจ คิดว่าอันตรายต่อโครงสร้างเศรษฐกิจไทย"

อีกทั้งมองว่า รัฐบาลควรเปิดให้ต่างชาติสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ทั้งคอนโดและบ้านจัดสรร   เพราะตอนนี้เศรษฐกิจไทยชะลอตัว กำลังซื้อในประเทศลดลง หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น และยังมีปัญหาเรื่องโครงสร้างประชากร  มีผลต่อการปล่อยกู้สินเชื่อของธนาคารในการซื้อบ้านด้วย

ปัดเอื้อนายทุน ทำราคาบ้าน-คอนโดพุ่ง  
เมื่อถามว่า จะถูกมองเป็นการเอื้อนายทุนหรือไม่?   คุณมีศักดิ์ บอกว่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์ คือ ธุรกิจหนึ่งของคนไทย หากคิดว่าเอื้อนายทุน การให้บีโอไอต่างชาติมาทำอุตสาหกรรมในไทย ทำไมไม่มองว่าเอื้อต่างชาติบ้าง อีกทั้ง วัสดุก่อสร้าง หลังคา กระเบื้องปูพื้น เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯเป็นสินค้าผลิตโดยโรงงานไทย มาจากแรงงานไทยทำขายคนไทย แต่ตอนนี้เราจะขายต่างชาติ เป็นเมดอินไทยแลนด์ แต่ถูกมองว่าเอื้อนายทุน ทั้งๆที่ผู้ประกอบการอสังหาฯเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เสียภาษีมากที่สุดธุรกิจนึงในระบบภาษี  จึงไม่อยากให้มองว่าเอื้อนายทุน เพราะธุรกิจเป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจ และนายทุนคือคนทำธุรกิจ แล้วเอาภาษีที่จ่ายมาผลักดันขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป

เมื่อถามว่า จะส่งผลให้ราคาบ้าน ที่อยู่อาศัยของไทยมีราคาสูงขึ้นหรือไม่? คุณมีศักดิ์ มองว่าไม่ส่งผลแน่นอน เพราะระดับราคาแต่ละพื้นที่และกลุ่มลูกค้าแตกต่างกัน  ดังนั้นในอนาคตหากรัฐบาลไฟเขียวให้ต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัยได้เพิ่มขึ้นจริง ก็ต้องมีการกำหนดเกณฑ์ต่างๆให้ชัดเจน ทั้งเรื่องราคาขั้นต่ำแต่ละพื้นที่ และมองว่าต่างชาติควรซื้อที่อยู่อาศัยในราคาที่มากกว่าคนไทย   

ส่วนปัญหาในอนาคตหากมีการเหมาโครงการบ้าน หรือคอนโด เพื่อนำมาปล่อยเช่ารายวันเหมือนโรงแรมนั้น ก็หวังว่ารัฐบาลจะออกกฎหมายที่รอบคอบ รัดกุมไว้กำกับอยู่แล้ว

ทั้งนี้ สิ่งที่อยากบอกรัฐบาลคือ  ให้กำหนดกลุ่มเป้าหมายใหม่ ไม่มุ่งไปที่กลุ่มต่างชาติกำลังซื้อสูงเท่านั้น แต่ควรเน้นกลุ่มต่างชาติที่มีกำลังซื้อระดับกลางอย่าง กลุ่มวัยเกษียณ หรือแม้แต่กลุ่มที่ต้องการหนีความวุ่นวายหรือภัยสงคราม ที่มีความต้องการจะมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่ประเทศไทย โดยชูจุดแข็งด้านการท่องเที่ยว  ด้านการแพทย์ อาหารและด้านงานบริการของไทย อย่าง "การต้อนรับการอยู่อาศัยระยะยาว " ดังนั้น รัฐบาลต้องตัดสินใจ หากรัฐบาลทำได้จริงมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นแน่นอน