svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ธุรกิจ-การตลาด

แบงก์คุมเข้มสินเชื่อ ! บ้านราคา 3-5 ล้านบาทแผ่ว อสังหาฯ หนีซบตลาดบน

01 มีนาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เบนเข็มทำตลาดบ้านหรู จับกลุ่มเศรษฐี หลังบ้านราคา 3-5 ล้านบาทกำลังซื้อหด แบงก์คุมเข้มปล่อยสินเชื่อ  ขณะที่แสนสิริ ฟันกำไรมากสุด 6,060 ล้านบาทเพิ่มขึ้น  42%

การแพร่ระบาดโควิดปี 2563 – 2565 มีผลต่อเนื่องถึงการดำเนินธุรกิจและการใช้ชีวิต ส่งผลให้การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของคนไทยไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดมิเนียมเป็นเรื่องที่ต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ ประกอบกับความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงินต่างๆ ก็เป็นความท้าทายของตลาดธุรกิจการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย โดย

ผู้ประกอบการหลายรายมีการปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินธุรกิจทั้งการลดการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม และเพิ่มสัดส่วนในโครงการบ้านจัดสรร รวมไปถึงการเพิ่มโครงการราคาแพงออกมาขายมากขึ้น

ซึ่งมีผู้ประกอบการบางรายที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้ซื้อระดับบน นอกจากนี้การเร่งปิดการขายและโอนกรรมสิทธิ์บ้านและคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วหรือกำลังจะเสร็จเพื่อที่ผู้ประกอบการจะได้เงินสดเข้ามาหมุนเวียนในบริษัทมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากดูปัจจัย ความท้าท้ายต่าง ๆ เหล่านี้ กลุ่มผู้ประกอบการต่างๆ มีแนวทางการบริหารจัดการที่ดี เมื่อผลประกอบการออกมามีผู้ประกอบการบางรายที่มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 65 แม้ว่า ณ ปัจจุบันอาจจะยังมีการประกาศออกมาไม่ครบทุกบริษัท แต่ก็สามารถพิจารณาได้ว่าผู้ประกอบการรายใดมีผลประกอบการที่ดีขึ้นทั้งในแง่ของรายได้ และกำไร 

บมจ.แสนสิริการประกอบธุรกิจปี 66 มีกำไรมากสุด 6,060 ล้านบาทเพิ่มขึ้น  42% เมื่อเทียบกับปี565 รายได้ของแสนสิริอยู่ที่ 39,082 ล้านบาทเพิ่มขึ้นประมาณ 12% จากปีที่แล้ว

บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) มีรายได้และกำไรเป็นอันดับที่ 2 คือ มีรายได้ 38,399 ล้านบาท ลดลงจากปี65 ประมาณ 1% กำไรที่ 6,054 ล้านบาทเพิ่มขึ้นประมาณ 3%

ซึ่งทั้งแสนสิริ และเอพีในปีที่ผ่านมา นอกจากจะเปิดขายโครงการใหม่มากแล้ว ยังมีการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งบ้าน และคอนโดมิเนียมต่อเนื่อง รวมไปถึงการเร่งปิดการขายโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว พร้อมโอนกรรมสิทธิ์

นอกจากนี้โครงการราคาแพงของทั้ง 2 บริษัทยังได้รับการตอบรับที่ดีโดยเฉพาะแสนสิริที่หลายโครงการของพวกเขาปิดการขายได้ภายในระยะเวลาไม่นาน แม้ว่าราคาขายเริ่มต้นจะไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาทก็ตาม

บมจ.ศุภาลัย มีกำไรและรายได้มาเป็นอันดับที่ 3 ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับปี65 โดยรายได้ปี  66 อยู่ที่ 31,818 ล้านบาทลดลงประมาณ 10% และกำไรอยู่ที่ 5,989 ล้านบาทลดลงประมาณ 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

โดย “สุรเชษฐ์ กองชีพ”  กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด มองว่า  หลายบริษัทมีรายได้มากขึ้น แต่ไม่ได้มากนักเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการบางรายที่มีทั้งรายได้และกำไรอันดับต้นๆ แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นได้ชัดเจน คือ กำไรที่ลดลง ซึ่งอาจจะเกิดจาการที่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการหรือกิจกรรมทางการขายที่มากขึ้น รวมไปถึงการลดราคาหรือยอมขาดทุนกำไรบ้าง เพื่อที่จะได้ปิดการขายได้ จึงอาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้กำไรของผู้ประกอบการบางรายลดลง

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงมีรายได้และกำไรอยู่ไม่มีผู้ประกอบการรายใดที่ขาดทุนในช่วงที่ผ่านมา ผู้ประกอบการบางรายอย่าง บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์  อาจจะมีกำไรมาก แต่รายได้น้อยมาก เพราะมีรายได้จากธุรกิจอื่นๆ เช่น อาคารสำนักงานให้เช่า โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ แม้ว่าพวกเขาจะเปิดขายโครงการใหม่ไม่มากเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการ 5 อันดับแรก

ซึ่งผลประกอบการด้านบนนี้ ยังไม่ได้รวมบมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ที่หลายปีที่ผ่านมาเปิดขายโครงการใหม่ไม่มากเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ แต่รายได้จากธุรกิจอื่นๆ ของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ค่อนข้างมาก ดังนั้น เป็นไปได้ที่รายได้ และกำไรในปี66 อาจจะมากกว่าผู้ประกอบการหลายรายในตลาด

สำหรับรายได้และกำไรที่ลดลงของผู้ประกอบการบางรายในปี 66 ยังคงมีช่องทางในการพลิกกลับมาในปี 67 เพราะผู้ประกอบการบางรายมีการประกาศแผนการเปิดขายโครงการใหม่ออกมาแล้ว โดยผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายมีการเปิดขายโครงการมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี66  แม้ว่าจะมีปัจจัยลบบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับกำลังซื้ออาจจะมีการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งมาตรการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองของที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาทยังคงมีต่อในในปีนี้ ซึ่งเป็นข่าวดีของผู้ประกอบการบางรายที่มีโครงการระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้

ขณะที่กำลังซื้อต่างชาติในตลาดคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้นแน่นอน ทั้งคนจีน รัสเซีย และเมียนมาที่เข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น เพียงแต่ปัญหาใหญ่ยังคงอยู่ที่เรื่องของการพิจารณาสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีความเข้มงวดมาก และกระทบกับกลุ่มกำลังซื้อที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทขึ้นมาถึงระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อยูนิต ผู้ประกอบการหลายรายจึงพยายามเปิดขายโครงการใหม่ที่เลี่ยงกลุ่มระดับราคาดังกล่าวในปีนี้ และพยายามเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อบ้านราคาแพง ซึ่งไม่ค่อยมีปัญหาในการขอสินเชื่อธนาคาร ซึ่งผู้ประกอบการบางราย เช่น แสนสิริ และเอสซี แอสเสท รวมไปถึงแลนด์แอนด์เฮ้าส์ทำได้ดีมาโดยตลอด 

logoline