svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ธุรกิจ-การตลาด

แสนสิริ เตรียมขายหุ้นกู้ ชูดอกเบี้ย 4.00-4.55% ต่อปี เริ่มต้น 1,000 บาท

17 พฤษภาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ อายุ 2 ปี 6 เดือน และอายุ 4 ปี ผ่าน 10 สถาบันการเงิน กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท อัตราดอกเบี้ยระหว่าง 4.00-4.55% ต่อปี คาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 1 – 2 และ 6 มิถุนายนนี้

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ หลังจากประสบความสำเร็จ ในการขายหุ้นกู้ รุ่นก่อนหน้ามาโดยตลอด สะท้อนถึงความเชื่อมั่น และ ผลตอบรับที่ดี จากนักลงทุนรายย่อย รวมทั้งความแข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาฯ จากการมองตลาดเร็วและพร้อมปรับตัวรองรับทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา

โดยหุ้นกู้ที่จะเสนอขายครั้งนี้ เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และ มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป สำหรับหุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยระหว่าง 4.00-4.10% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยระหว่าง 4.45-4.55% ต่อปี ผ่าน 10 สถาบันการเงิน ได้แก่

  • ธนาคารกรุงเทพ
  • ธนาคารกรุงไทย
  • ธนาคารกสิกรไทย
  • ธนาคารไทยพาณิชย์
  • ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย
  • ธนาคารทหารไทยธนชาต
  • บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร
  • บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส
  • บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง
  • บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย)

 

โดยหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุดจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอน จะประกาศให้ทราบในภายหลัง โดยหุ้นกู้ และ บริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่ (Stable)” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 และคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 1 – 2 และ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2566 นี้

จองซื้อขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 1,000 บาท เพื่อเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของบริษัทฯ ที่จับต้องง่าย และเป็นแบรนด์ “ที่ทุกคนเข้าถึงได้” ซึ่งไม่ใช่เพียงเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์เท่านั้น ยังมองถึงความสำคัญในด้านการลงทุนที่ต้องทั่วถึงและเท่าเทียมกัน

สำหรับผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2566 แสนสิริมีรายได้รวมอยู่ที่ 8,505 ล้านบาท โตขึ้น 63% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากรายได้จากการขายโครงการที่โดดเด่นในทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย นำด้วยรายได้จากการขายคอนโดมิเนียม ที่ในไตรมาสนี้เติบโตสูงสุดถึง 217% หรือโกยรายได้ 2,717 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการขายโครงการแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและมิกซ์ โปรดักส์ 

โดยแชมป์รายได้จากโครงการบ้านเดี่ยว ได้แก่ โครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา ส่วนรายได้จากการขายโครงการทาวน์โฮม เติบโตขึ้นถึง 104% โดยเฉพาะความสำเร็จในลักซ์ชัวรี่ เรสซิเดนท์แนวคิดใหม่ “เดมี สาธุ 49” เป็นต้น นอกจากรายได้ที่โดดเด่นในทุกโปรดักส์แล้ว กำไรขั้นต้น จากการขายโครงการ ที่อยู่อาศัยยังคงสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ประกอบกับในไตรมาสนี้ แสนสิริมีการบันทึกกำไร จากการขายกิจการโรงเรียนสาธิตพัฒนา

และการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าและบริษัทร่วม ทำให้กำไรสุทธิในไตรมาสแรกของปี 2566 เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยแสนสิริมีกำไรสุทธิ 1,582 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นขึ้นถึง 423% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรสุทธิสูงถึง 18.6% ของรายได้รวม ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากจากอัตรากำไรสุทธิที่ 5.8% ของรายได้รวมในไตรมาสแรกของปี 2565

 

 

logoline