มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่กระทรวงการคลัง คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ได้จัดประชุมครั้งที่ 1/2568 โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำและสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ที่สูงกว่าระดับปกติ
ที่ประชุมมีมติสำคัญในการขอความร่วมมือไปยังกระทรวงพลังงาน พิจารณาปรับสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล ในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากระดับ B5 เป็น B7 เพื่อช่วยเพิ่มการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบออกจากระบบ และช่วยพยุงราคาผลปาล์มดิบให้แก่เกษตรกร โดยมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ กนป. จัดทำหนังสือแจ้งสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ซึ่งทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม กบง. เพื่อพิจารณาต่อไป
ขณะเดียวกัน ที่ประชุม กนป. ยังมีมติข้อที่ 6 ซึ่งถือเป็นการย้ำมติเดิมจากปี 2567 โดยขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2543 ให้สนับสนุนการรับซื้อน้ำมันไบโอดีเซลบริสุทธิ์ (B100) จากผู้ผลิต ตามราคาที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานเสนอแนะ โดยไม่มีการขอส่วนลดพิเศษ อันเป็นแนวทางที่รัฐวางไว้เพื่อความเป็นธรรมในโครงสร้างราคาตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน
นอกจากนี้ กนป. ยังได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน ร่วมกับ 3 หน่วยงานหลัก ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (คน.) และ สนพ. ร่วมหารือแนวทางกำหนดราคาซื้อขาย B100 ให้สมดุลและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ครอบคลุมตั้งแต่ต้นทุนการผลิตจากน้ำมันปาล์มดิบไปจนถึงราคาขาย B100
ทั้งนี้ มติดังกล่าวนับเป็นครั้งที่สองแล้วที่ กนป. มีมติให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ต้องปฏิบัติตามราคาที่เสนอจากภาครัฐโดยเคร่งครัด โดยในปี 2567 ครม. ได้มีมติเห็นชอบในแนวทางนี้เช่นกัน แต่ยังพบว่าในทางปฏิบัติ ผู้ประกอบการบางรายยังมีพฤติกรรมต่อรองราคาหรือเพิกเฉยต่อมติดังกล่าว
สถานการณ์ครั้งนี้จึงเป็นที่จับตามองว่า กลุ่มผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 จะยินยอมปฏิบัติตามเพื่อประโยชน์แก่เกษตรกรและระบบเศรษฐกิจพลังงานโดยรวม หรือ ยังคงเพิกเฉยต่อแนวนโยบายของรัฐ ซึ่งภาครัฐได้เน้นย้ำให้มีการบังคับใช้กฎหมายและดำเนินการอย่างจริงจังต่อไป