
เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุ คำวินิจฉัยถอดถอนนายกฯ ทำให้นักลงทุนต่างช็อกและชะงักการลงทุน ปัจจุบันประเทศไทยมีปัญหาทางเศรษฐกิจที่รุมเร้า รวมถึงมีความท้าทายมากมายที่เกิดขึ้นในโลก และประเทศไทยก็ยังอยู่ในช่วงที่จะต้องรีบเร่งในการที่จะสร้างความเชื่อมั่น สร้างการลงทุนใหม่ๆ เชิญชวนนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ มองว่าช่วงนี้เป็นช่วงจังหวะที่สำคัญ และปัจจัยที่เป็นตัวที่พิจารณาสำหรับนักลงทุน คือ เรื่องของการเมือง เราต้องมีการเมืองที่มีเสถียรภาพ หรือนิ่งและต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมาไม่ต่อเนื่องมานาน การเปลี่ยนขั้วพรรคการเมืองตลอดเวลาก็จะทำให้นโยบายที่รัฐบาลเคยขับเคลื่อนนั้นหยุดชะงักไป ขาดความต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ตั้งแต่มีคดีตลอดระยะเวลากว่า 80 วัน ทุกคนก็ชะลอการลงทุนอยู่แล้ว ต้องรอดูกันว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ทุกฝ่ายมีการมอนิเตอร์ ติดตามผลแต่ไม่ได้หมายความว่าทุกอุตสาหกรรมจะหยุดหมดเพราะก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของอุตสาหกรรมนั้น ๆ ด้วย ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศฝั่งอเมริกา ยุโรป อาจจะให้น้ำหนักในเรื่องนี้มาก เรียกว่าซีเรียสเลยก็ว่าได้ ทำให้มีนักธุรกิจหลายรายต้องการความชัดเจน
ด้านสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทย ระบุ คำวินิจฉัยถอดถอนนายกฯ กระทบความเชื่อมั่นของประเทศระยะสั้น โดยเฉพาะโครงการและแผนงานต่าง ๆ ที่กำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศขณะนี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในช่วงที่จะต้องรอเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ พร้อมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ คงจะเร่งกระบวนการเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป เชื่อว่าจะไม่กระทบประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ที่ประเมินไว้ 2.5-2.6% ซึ่งการท่องเที่ยวก็ยังเดินหน้าต่อไปได้ และช่วงนี้อยากให้เร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ เพื่อจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ต่อเนื่อง พร้อมสภาฯก็ยังสามารถพิจารณางบประมาณปี 2568 ได้ต่อ
ทั้งนี้ หอการค้าอยากเห็นการเมืองที่กลับมาเดินหน้าอย่างมีเสถียรภาพโดยเร็วที่สุด เพราะต้องยอมรับว่าปัญหาปากท้องของประชาชนในภาวะเช่นนี้เป็นเรื่องที่ ต้องเร่งแก้ไขปัญหา ซึ่งหวังว่าฝ่ายการเมืองโดยระบบรัฐสภาจะได้ช่วยกันในการที่จะดำเนินตามกระบวนการของประชาธิปไตย เพื่อให้ประเทศไทยกลับมาสู่การรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการบริหารด้านประเทศ ให้เติบโตได้ตามศักยภาพต่อไป