ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ระบุ หลังจากเปิดให้บริการเซ็นทรัล ภูเก็ตตั้งแต่ปี 2547 ทำให้เห็นศักยภาพของเมืองที่มีกำลังซื้อจำนวนมาก จึงได้เปิดเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้าในปี 2561 เพื่อรองรับ Luxury Lifestyle เทียบชั้นเมืองชายทะเลระดับโลกอย่างริเวียร่า ซานโตรินี ไมอามี่บีช และฮาวาย
การพัฒนาเซ็นทรัล ภูเก็ตเป็น The World’s Luxury Magnitude ยังสอดคล้องกับการพัฒนาของเมือง และตอบรับแผนยุทธศาสตร์ภาครัฐที่ต้องการพัฒนาให้ภูเก็ตเป็น Top Destination for Global Jetsetter เพื่อดึงดูดกำลังซื้อสูงจากทั่วโลก โดยปัจจุบันศูนย์การค้าเติบโตต่อเนื่องและมีทราฟฟิกดีกว่าช่วงก่อนโควิดถึง 30% บริษัทจึงตั้งเป้าขยายพื้นที่ Luxury Zone อีก 4 เท่าภายในปี 2569 เพื่อรองรับการเปิดตัวแบรนด์ชั้นนำ
วิไลพร ปิติมานะอารี ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานปฎิบัติการสาขาภูเก็ต บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ระบุ ในปีที่ผ่านมาภูเก็ตเป็นจังหวัดที่สร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ โดยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดถึง 3.8 แสนล้านบาท และในปี 2567 ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยว 4.5 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตกว่า 12 ล้านคน หรือเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากกรุงเทพฯ ซึ่งภูเก็ตถือเป็นบ้านหลังที่สองของเศรษฐีชาวไทยและต่างชาติ โดยมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก เช่น การขยายสนามบินภูเก็ต เฟส 2 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2572 และภูเก็ตยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน ทั้ง โรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ ท่าเรือยอร์ช สนามกอล์ฟ และ Private Jet
“เซ็นทรัล ภูเก็ตจะเป็นส่วนที่ช่วยเติมเต็มเมืองตอบโจทย์ของภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมSustainable Economy ให้ภูเก็ตเป็น Hub ระดับโลกในหลายมิติ”
เซ็นทรัลพัฒนา ได้วาง 3 กลยุทธ์ เพื่อผลักดันให้เซ็นทรัล ภูเก็ต เป็น The World’s Luxury Magnitude ซึ่งปัจจุบันมี 14 แบรนด์เนมหรูชั้นนำครบที่สุดนอกกรุงเทพฯ เช่นเดียวกับเมืองซานโตรินี ไมอามี่บีช ริเวียร่า ฮาวาย ซิดนีย์ ดูไบ ฮ่องกง ซึ่งในปี 2569 จะขยายพื้นที่โซนลักซูรีเป็น 8,000 ตร.ม. หรือเพิ่มขึ้น 4 เท่า จากปัจจุบัน 2,000 ตร.ม. เพื่อรองรับการเปิดตัวของหลากหลายแบรนด์เนมชั้นนำ
“สินค้าลักซูรีในไทยปัจจุบันมีมูลค่าตลาดประมาณ 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งขยายตัวถึง 5.62% และในปี 2571 คาดว่าจะแซงหน้าตลาดสิงคโปร์”