
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐ มนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปจีนผ่านรถไฟความเร็วสูงจีน - สปป.ลาว เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยในช่วง 5 เดือนแรก (มกราคม – พฤษภาคม) ของปี 66 มี มูลค่ารวม 2,848.41 ล้านบาท ขยายตัวกว่า 260% จากปี 65 โดยผลไม้ไทยได้รับความนิยมในตลาดจีนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งการใช้รถไฟจีน-ลาว สามารถช่วยลดระยะเวลาการขนส่ง จากที่เคยใช้เวลาผ่านถนนเส้นทาง R3A ประมาณ 2 วัน เหลือใช้เวลาบนรถไฟไม่เกิน 15 ชั่ว โมง
ทั้งนี้รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนแผนเชื่อมโยงระบบรางไทย-สปป.ลาว-จีน เพื่อเพิ่มโอกาสการส่งออกสินค้าไทย ปูทางสู่การเป็นศูนย์กลางคมนาคมขนส่งของภูมิภาคในอนาคต
นอกจากนี้ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ พบว่า 10 อันดับแรกของสินค้าที่ส่งออกทางด่านหนองคายผ่านแดน สปป.ลาว ไปจีนมีมูลค่าการส่งออกและขยายตัวสูงที่สุด ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 66 ได้แก่
1. ทุเรียนสด อยู่ที่ 2,073.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 364% เมื่อเทียบกับช่วงกันของปี 65
2.มังคุดสด 378.65 ล้านบาท
3. หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ 315.21 ล้านบาท
4. ลำไยสด 37.40 ล้านบาท
5. สินค้าแร่ และเชื้อเพลิงอื่น ๆ 17.89 ล้านบาท
6. สับปะรดแปรรูป 11.43 ล้านบาท
7. ส้มโอสด 2.99 ล้านบาท
8 สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร 2.72 ล้านบาท
9. มะม่วงสด 1.79 ล้านบาท
10.ผลไม้อื่น ๆ 1.52 ล้านบาท
ทั้งนี้ รัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนแผนเชื่อมโยงระบบราง ไทย -สปป.ลาว-จีน อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (กรุงเทพฯ - หนองคาย) เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค สำหรับระยะที่ 1 (กรุงเทพฯ - นครราชสีมา) กำหนด ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 69
ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพระบบคมนาคมขนส่งทางรางของไทย เชื่อมโยงภูมิภาค ตลอดจนเป็นโอกาสของไทยในการส่งออกสินค้าไปตลาดจีนได้มากขึ้น โดยใช้ระยะเวลาการขนส่งน้อยลง และยังสามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี ในการส่งออกสินค้าไปจีนได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมุ่งมั่นพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในทุกด้าน โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางราง ซึ่งเป็นการขนส่งที่สามารถลดต้นทุน เวลา และค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ผู้ส่งออกไทย พร้อมเชื่อมั่นว่าการพัฒนาโครง สร้า พื้นฐานไว้อย่างครอบคลุมตามที่รัฐบาลได้ดำเนินการ จะมีส่วนสำคัญ ส่งต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศ และส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคได้