svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

สศก. ลุยพัฒนา "ระบบประกันภัยเกษตร" ลดความเสี่ยงให้เกษตรกร

15 มิถุนายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สศก.เดินหน้าแนวทางพัฒนา "ระบบประกันภัยเกษตร" จับมือ คปภ.พัฒนาระบบประกันภัย ลดความเสี่ยงให้เกษตรกร พร้อมลงพื้นที่สำรวจความต้องการ การทำประกันภัยของเกษตรกร ให้ครบทุกด้าน

15 มิถุนายน 2566 นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร หรือ สศก. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณี ปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่สร้างความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร และชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกร

ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาล ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ในการชดเชยให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ สศก. จึงได้มีการพัฒนา "ระบบประกันภัยการเกษตร" โดยร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. พัฒนา "ระบบประกันภัยการเกษตร" อย่างยั่งยืน เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยง และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น รวมถึงการประกันอุบัติเหตุ จากการประกอบอาชีพเกษตรกรรมด้วย 
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร หรือ สศก.

นายฉันทานนท์ กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาล มีการดำเนินงานโครงการ ประกันภัยการเกษตร สำหรับเกษตรกร จำนวน 2 สินค้า ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี และ โครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และยังมีการประกันภัยของภาคเอกชน ในสินค้าเกษตรชนิดอื่น ๆ เช่น ทุเรียน , ลำไย , โคเนื้อ , โคนม 

อย่างไรก็ตาม ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ยังส่งผลกระทบต่อภาคเกษตร ทั้งด้านพืช , ประมง , ปศุสัตว์ สศก. โดยสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร จึงได้ลงพื้นที่ ติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ในการผลิตสินค้าเกษตร และความต้องการของเกษตรกร ต่อการทำประกันภัยการเกษตร เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุน ในการขับเคลื่อน การประกันภัยการเกษตร ของประเทศไทย 
 

โดยการประกันภัยด้านพืช จากการลงพื้นที่สำรวจผู้ปลูกมันสำปะหลัง ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี พบว่า ปัญหาของเกษตรกร ผู้ปลูกมันสำปะหลัง ในช่วง 3 - 4 ปี ที่ผ่านมา พบปัญหาหลักจากการระบาด ของโรคใบด่างมันสำปะหลัง

ซึ่งเกษตรกรมีความสนใจ ในการประกันภัยมันสำปะหลัง หากเงื่อนไขการรับประกัน มีความน่าสนใจ และเหมาะสม ซึ่งหากมีโครงการประกันภัยมันสำปะหลัง ควรทำประกันในชนิดพันธุ์ ที่ต้านทานโรคใบด่างมันสำปะหลัง เช่น พันธุ์ระยอง 72 , เกษตรศาสตร์ 50 , ระยอง 5 และพันธุ์ห้วยบง 

ในส่วนของการตรวจสอบความเสียหาย เพื่อชดเชยค่าสินไหม ควรมีคณะกรรมการ ประเมินความเสียหาย  ที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่เกษตร และผู้นำชุมชน เพิ่มเติมจากการใช้ประกาศ เขตการให้ความช่วยหลือ ผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน

เบื้องต้น เกษตรกรมีความสนใจทำประกันภัย โดยเต็มใจจ่ายเบี้ยประกัน ในอัตราร้อยละ 20 ของค่าเบี้ยประกัน และควรมีการจ่ายค่าชดเชย เมื่อมันสำปะหลังมีความเสียหายจากโรค มากกว่าร้อยละ 50 ของแปลงปลูก
สศก. ลุยพัฒนา "ระบบประกันภัยเกษตร" ลดความเสี่ยงให้เกษตรกร  

ด้านประมง ได้ลงพื้นสำรวจเรือประมงพื้นบ้าน จากกลุ่มประมงเรือเล็ก ลูกน้ำเค็มก้นปึก และวิสาหกิจชุมชนประมงเรือเล็กตากวน - อ่าวประดู่ จ.ระยอง พบว่า ปัจจุบันชาวประมงพื้นบ้าน ยังไม่มีการทำประกันภัย เรือประมงพื้นบ้าน 

สำหรับความต้องการ ในการประกันภัยเรือประมงพื้นบ้าน ชาวประมงมีความกังวล เรื่องหลักฐานที่จะใช้เคลมประกัน เนื่องจากช่วงที่มีภัยพิบัติ พายุพัดเรือจมเสียหาย ชาวประมงต้องรักษาชีวิตให้รอด ไม่สามารถถ่ายภาพ เพื่อเป็นหลักฐานในการเคลมประกัน และรูปแบบการประกัน ต้องครอบคลุมความเสียหาย ที่ชาวประมงได้รับ เช่น เรือ วิทยุสื่อสาร และอุปกรณ์ต่าง ๆ และสามารถเคลมประกันได้ จึงจะสนใจเข้าร่วมโครงการประกันภัย 

นอกจากนี้ ชาวประมงพื้นบ้าน ต้องการให้ภาครัฐ ให้การสนับสนุนการประกอบอาชีพ เกี่ยวกับอุปกรณ์ทำประมง และตลาดจำหน่ายผลผลิต เช่น ตลาดหอยแมลงภู่ เป็นต้น เพื่อลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มรายได้ให้ชาวประมงพื้นบ้าน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป 
สศก. ลุยพัฒนา "ระบบประกันภัยเกษตร" ลดความเสี่ยงให้เกษตรกร

นอกจากนี้ ยังได้ติดตามสถานการณ์ การผลิตทุเรียน ณ สวนสุวรรณจินดา ในพื้นที่ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง โดยเป็นสวนที่มีการทำฟาร์มอัจฉริยะ ติดตั้งเครื่องวัดความเร็วลม สนับสนุนโดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งวาตภัยและภัยแล้ง เป็นภัยธรรมชาติที่สำคัญ ที่สร้างความเสียหาย แก่สวนทุเรียนมากที่สุด 

การติดตั้งเครื่องวัดความเร็วลม เพื่อลดความสูญเสียของทุเรียนจากวาตภัย ค่าความเร็วลมที่วัดได้ เป็นรูปแบบ real time มีการศึกษาระดับความเร็วลม ช่วงระยะเวลาที่เกิดภัยและผลกระทบ ทำให้สามารถบริหารจัดการได้ทันเวลา เช่น การใช้ไม้ค้ำการโยงผลทุเรียนด้วยเชือก 

นายฉันทานนท์ กล่าวว่า ในส่วนของความคิดเห็น ต่อการทำประกันภัยพบว่า ปัจจุบันเกษตรกรยังไม่สนใจการประกันภัย เนื่องจากความถี่ของการประสบปัญหาวาตภัยยังมีน้อย ผลกระทบจะเกิดมากกับบริเวณพื้นที่ ที่เป็นแนวลมพายุ และการประกันภัยปัจจุบัน ยังไม่ครอบคลุมภัยพิบัติ ที่เกษตรกรได้รับ 

จากการติดตามสถานการณ์ ลงพื้นที่ในครั้งนี้ จะเป็นข้อมูลสำหรับใช้ ในการให้ข้อเสนอแนะ ในการพัฒนาระบบประกันภัย ของประเทศไทยต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การศึกษาสถานการณ์การผลิตทุเรียน โดยการติดตั้งเครื่องวัดความเร็วลม

สศก. มีแผนจะดำเนินการร่วมกับสำนักงาน คปภ. และหน่วยงานที่มีความร่วมมือทางวิชาการ ในการทำสนามทดลอง สำหรับพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยทุเรียน โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) และภูมิสารสนเทศในการวัดค่าความเร็วลม เพื่อให้ข้อเสนอแนะในการพัฒนา Weather-Index Insurance ต่อไป”
เครื่องวัดแรงลมในสวนทุเรียน

 

logoline