
รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า ในวันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย) เตรียมขยายสถานีให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองทดลองนั่งฟรีเพิ่มเติม จากสถานีภาวนา ถึงสถานีสถานีศรีกรีฑาอีก 9 สถานี รวมเป็น 22 สถานี หลังเปิดให้ทดลองนั่งฟรีตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 20.00 น. จำนวน 13 สถานี
นอกจากนี้ได้ขยายระยะเวลาให้บริการเป็นระหว่างเวลา 06.00 น. – 20.00 น. โดยประชาชนสามารถร่วมทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองได้ โดยสถานีเพิ่มเติมประกอบด้วย
- สถานีภาวนา
- สถานีโชคชัย 4 เปิดใช้เฉพาะทางเข้า-ออก 2 (ซอยลาดพร้าว 55) และทางเข้า-ออก 3 (ซอยลาดพร้าว 58)
- สถานีลาดพร้าว 71 เปิดใช้เฉพาะทางเข้า-ออก 1 (โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา) ทางเข้า-ออก 3 (ซอยลาดพร้าว 84) และทางเข้า-ออก 4 (ซอยลาดพร้าว 80/3)
- สถานีลาดพร้าว 83
- สถานีมหาดไทย ที่ทางเข้า-ออก 2 (โรงพยาบาลลาดพร้าว) เปิดใช้เฉพาะบันได
- สถานีลาดพร้าว 101
- สถานีบางกะปิ เปิดใช้เฉพาะทางเข้า-ออก 1 (ซอยลาดพร้าว 113) ทางเข้า-ออก 2 (ซอยลาดพร้าว 115) และทางเข้า-ออก 4 (ซอยลาดพร้าว 142)
- สถานีแยกลำสาลี
- สถานีศรีกรีฑา
ส่วนสถานีที่เปิดบริการก่อนหน้า 13 สถานีประกอบด้วย
- สถานีหัวหมาก
- สถานีกลันตัน
- สถานีศรีนุช
- สถานีศรีนครินทร์ 38
- สถานีสวนหลวง ร.9
- สถานีศรีอุดม
- สถานีศรีเอี่ยม
- สถานีศรีลาซาล
- สถานีศรีแบริ่ง
-สถานีศรีด่าน
- สถานีศรีเทพา
- สถานีทิพวัล
- สถานีสำโรง
นอกจากนี้ในวันที่ 19 มิ.ย. เวลาประมาณ 10.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีเปิด โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง อย่างเป็นทางการ โดยจะขยายสถานีให้บริการประชาชนร่วมทดลองใช้บริการตลอดสาย ครบ 23 สถานี ตั้งแต่สถานีลาดพร้าว - สถานีสำโรง
ซึ่งสามารถเชื่อมต่อการเดินทางไปยังรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปรา การ ที่สถานีสำโรง (YL23), รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ และรถไฟสายตะวันออก ที่สถานีหัวหมาก (YL11) รวมถึงรถไฟฟ้ามหานครสายสีน้ำเงิน ที่สถานีลาดพร้าว (YL01)
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส และผู้รับสัมปทานในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง กล่าวว่า รถไฟฟ้าสายสีเหลืองเป็นหนึ่งในโครงการที่มีข้อกำหนดในสัญญาสัมปทานที่จำเป็นต้องติดตั้งระบบตั๋วร่วม อำนวยความสะดวกให้ประชาชนเดินทางเชื่อมต่อระบบราง
ทั้งนี้ได้มีการติดตั้งระบบ EMV Contactless รองรับการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตที่มีสัญลักษณ์ EMV (Europay, MasterCard and VISA) นอกจากนี้ยังสามารถจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเหลืองด้วยบัตรแรบบิทในเครือ BTS ซึ่งจะมีการจัดทำโปรโมชันราคาพิเศษอย่างต่อเนื่อง เพื่อจูงใจให้ประชาชนปรับเปลี่ยนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า
- บัตร EMV
ผู้โดยสารสามารถนำบัตรที่มีสัญลักษณ์ EMV แตะจ่ายค่าโดยสาร และใช้เชื่อมต่อการเดินทางไปยังระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีลาดพร้าว โดยไม่เสียค่าแรกเข้าซ้ำซ้อนในจำนวน 15 บาท มีข้อจำกัดต้องเปลี่ยนผ่านระบบรถไฟฟ้าภายในระยะเวลา 30 นาที
ซึ่งช่วงแรกผู้โดยสารสามารถชำระผ่านบัตร EMV ได้ที่ช่องทางพิเศษ ติดกับห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร ส่วนในอนาคตจะมีการพัฒนาระบบหัวอ่านให้สามารถแตะจ่าย EMV ในทุกช่องทางเข้าออกระบบรถไฟฟ้า
- บัตรแรบบิท
ผู้โดยสารสามารถแตะจ่ายค่าโดยสารด้วยบัตรแรบบิทที่ออกโดย BTS ซึ่งหลังจากนี้จะมีการจัดทำโปรโมชันเพื่อใช้ในการเดินทางเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีเขียวด้วย
- บัตรโดยสารเที่ยวเดียว
ผู้โดยสารสามารถออกบัตรโดยสารดังกล่าว ณ ตู้จำหน่ายบัตรโดยสาร และห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร ซึ่งจะมีอัตราค่าโดยสาร 15 – 45 บาท
อย่างไรก็ตาม รูปแบบการชำระค่าโดยสารในเบื้องต้นนั้น หากเปรียบเทียบแล้วจะพบว่าการชำระค่าโดยสารด้วยบัตร EMV เป็นทางเลือกของประชาชนที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายจากการจัดเก็บค่าแรกเข้า กรณีต้องเปลี่ยนระบบรถไฟฟ้าระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในจำนวนประมาณ 15 บาท
ทั้งนี้เห็นว่าประชาชนเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นประจำ จะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนราว 600 บาท คำนวณจากค่าแรกเข้าที่ถูกลดหย่อนจากการเดินทางวันทำงานไปกลับจำนวน 30 บาทต่อวัน
นอกจากนี้ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีเหลืองยังคงให้บริการประชาชนโดยไม่เก็บค่าโดยสาร ซึ่งเบื้องต้นมีการประเมินว่าอาจจะมีการเริ่มจัดเก็บค่าโดยสารในวันที่ 3 ก.ค.นี้เป็นต้นไป เนื่องจากปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนขออนุมัติอัตราค่าโดยสาร และออกประกาศกำหนดใช้