
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกระแสความนิยมของ “ปลาช่อนไทย” ในประเทศเวียดนาม ว่า จากคุณภาพของปลาช่อนไทย ทั้งรสชาติ ความสดสะอาด ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และได้มาตรฐานสากล ทำให้ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ได้มีการเจรจาข้อตกลงผ่านการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างจังหวัดกวางบิงห์ (Quang Binh) สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
และจังหวัดสกลนคร ราชอาณาจักรไทย ในการจับคู่ธุรกิจ 16 คู่ค้า ส่งเสริมแบรนด์สินค้าท้องถิ่น โดยเฉพาะปลาช่อนไทย และ ลูกพันธุ์ปลาช่อน ที่ไทยได้โควต้าในการส่งออกไปยังเวียดนาม 100 ตัน ซึ่งช่วยสร้างอาชีพและรายได้ให้ผู้ประกอบการเลี้ยงปลาช่อนไทย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ในส่วนของผลไม้สดและผลไม้แปรรูป กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งจากภาครัฐ และ เอกชนหารือร่วมกัน เพื่อเตรียมมาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 2566 เตรียมตลาดล่วงหน้าเพื่อรองรับผลไม้ ด้วยการใช้ 22 มาตรการเชิงรุก ที่ครอบคลุม 4 ด้าน ตั้งแต่ การผลิต การตลาดในประเทศ รณรงค์การบริโภคผลไม้ไทย เจาะตลาดใหม่ในต่างประเทศ
ตลอดจนด้านกฎหมายที่มุ่งเจรจามาตรการทางการค้าเพื่อลดอุปสรรคการส่งออกผลไม้ไปยังประเทศคู่ค้า ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกผลไม้สดและแปรรูปไว้ที่ 4.44 ล้านตัน เพิ่มจากปีก่อน 10% โดยเฉพาะด้านการส่งออกทุเรียน ซึ่งในปี 2566 นี้ ตั้งเป้าการส่งออกทุเรียนให้ได้ที่ 100,000 ล้านบาท โดยที่ผ่านมามีการลงพื้นที่หลายจังหวัดในภาคตะวันออก เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ช่วงการตัดทุเรียนหมอนทอง
โดยกำชับให้เกษตรกรห้ามตัดทุเรียนอ่อน ให้ตัดทุเรียนตามกำหนดเก็บเกี่ยวของแต่ละจังหวัดอย่างเคร่งครัด ในแนวทาง 3 ประสาน ทั้งเกษตรกร โรงรับซื้อผลไม้ และ มือตัด ซึ่งเชื่อมั่นว่า การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวข้างต้น จะช่วยแก้ปัญหาจำนวนผลไม้ในตลาดได้ ทำให้ราคาผลไม้สูงขึ้น และ สามารถดันยอดการส่งออกได้ตามเป้าหมาย