
สาเหตุหลักเนื่องมาจากขาดแคลนแหล่งเงินทุน หากจะมีเข้ามาบ้างเป็นของภาครัฐ ซึ่งต้องยอมรับว่าเม็ดเงินน้อยไม่เพียงพอ
“รายที่จะอยู่รอดและไปต่อได้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ตั้งหลักมาได้อยู่ก่อนแล้ว ส่วนรายที่เริ่มต้นใหม่ หากไม่มีเงินทุนที่มากพอนับว่ายากมาก ซึ่งเรื่องเงินนี้เป็นปัญหาหลักที่ทุกคนต่างบ่นกัน”
3 ปัจจัยที่จะสนับสนุนให้สตาร์ตอัปแจ้งเกิด ประกอบด้วย เงินทุน บุคลากร และความสามารถของผู้ก่อตั้ง ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือเรื่องของเงินทุน ซึ่งปัจจุบันหายากมาก ส่วนใหญ่เป็นเงินทุนของคอร์ปอเรต ซึ่งองค์กรขนาดใหญ่เหล่านี้ต่างมีแผนการลงทุนที่ชัดเจน เลือกเฉพาะบริษัทที่มีความสอดคล้องกับโจทย์ธุรกิจ สามารถซีเนอร์ยีกับธุรกิจหลัก และทำให้บริษัทแม่แข็งแกร่งมากขึ้น
ดังนั้นที่จะมาลงทุนกับสตาร์ตอัปย่อยๆ ไม่ค่อยมีแล้ว ส่วนใหญ่ยอมที่จะจ่ายแพงทว่าความเสี่ยงต่ำ และเป็นรายที่อยู่รอดแล้วเท่านั้น คนที่อยากจะเริ่มก็เลยเริ่มลำบาก
ขณะที่เงินลงทุนจากภาครัฐ แม้เป็นเงินให้เปล่า ทว่าที่ได้รับการสนับสนุนกันมักเป็นหลักแสนหรือมากที่สุดก็ไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งต้องยอมรับว่าในความเป็นจริงว่าน้อยมากสำหรับการก่อตั้งธุรกิจ และเงินจำนวนนี้จะเป็นโอกาสเดียวห้ามพลาดเด็ดขาด
อีกหนึ่งปัญหาสำคัญ คือ ขาดแคลนบุคลากร วันนี้วิศวกรซอฟต์แวร์หายากมาก ค่าตัวสูง และมักถูกดึงตัวไปทำงานที่บริษัทใหญ่ๆ ซึ่งยอมจ่ายแพงแม้จะเป็นนิสิตนักศึกษาจบใหม่ก็ตาม
เรื่องนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการทรานส์ฟอร์มธุรกิจของบริษัทต่างๆ ไปสู่เทคคอมพานี ทำให้เกิดการแย่งชิงคน แย่งชิงทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ทั้งบริษัทเหล่านี้มีข้อได้เปรียบด้านเงินทุนที่ไม่จำกัด
นอกจากนี้ สตาร์ตอัปไทยยังขาด โกลบอล มายด์เซ็ต หรือ รีจินอล มายด์เซ็ต ถูกจำกัดอยู่ในอีโคซิสเตมของไทย ที่มีข้อจำกัดและไม่เอื้ออำนวยให้เติบโต อีกทางหนึ่งยังเป็นเรื่องของระบบการศึกษาไทย ไม่ได้ผลิตคนมาเพื่อเป็นผู้ประกอบการ
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนหรือนักลงทุนต่างประเทศ ที่เข้ามาลงทุนในสตาร์ตอัปไทยมีจำนวนไม่มาก การปิดตัวของ Silicon Valley Bank (SVB), Signature Bank และ Silvergate Bank ไม่น่าส่งผลกระทบมาก เพราะสตาร์ตอัปส่วนใหญ่ของไทย อยู่ในช่วง Stage เริ่มต้น หาไอเดีย มองหารูปแบบการทำธุรกิจ จึงไม่ได้อยู่ในเรดาร์ของกองทุน หรือนักลงทุนต่างประเทศ