ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทุกปีที่บุคคลทั่วไป พนักงานบริษัท มนุษย์เงินเดือน ที่มีรายได้จากการทำงาน ผลตอบแทนจากการลงทุน เงินเดือน ค่าจ้าง การขายสินค้าและบริการ ต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภงด.90-ภงด.91) ผ่านสาขากรมสรรพากรทั่วประเทศ ซึ่งการยื่นแบบภาษีเงินได้ประจำปี 2565 จะสิ้นสุดภายในวันที่ 31 มี.ค. แต่ถ้ายื่นออนไลน์จะขยายไปถึงวันที่ 10 เม.ย.นี้
โดยคนไทยทุกคนที่มีเงินได้เกิน 120,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรม ดา แต่จะเสียภาษีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเงินได้สุทธิของตนเอง ซึ่งคิดจากการนำเงินได้ทั้งปี หักค่าใช้จ่าย และหักลดหย่อนภาษีที่มีทั้งหมด โดยเงินได้ทั่วไป (เงินเดือน โบนัส หรือค่าจ้าง) สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท หากรายได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ก็จะได้รับการยกเว้นภาษี
แต่ถ้ารายได้สุทธิต่อปีเกินกว่า 150,001-300,000 บาท เสียภาษี 5%, รายได้สุทธิ 300,001-500,000 บาท เสียภาษี 10%, รายได้สุทธิ 500,001-750,000 บาท เสียภาษี 15%, รายได้สุทธิ 750,001-1,000,000 บาท เสียาษี 20%, รายได้สุทธิ 1,000,001-2,000,000 บาท เสียภาษี 25%, รายได้สุทธิ 2,000,001-5,000,000 บาท เสียภาษี 30% และรายได้สุทธิต่อปี 5,000,001 บาทขึ้นไป เสียภาษี 35%
สำหรับสิทธิการลดหย่อนภาษีก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการคำนวณภาษี ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. สิทธิลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว
- กรณีมีเฉพาะบุตรตามกฎหมาย: ลดหย่อนบุตรกี่คนก็ได้ตามจำนวนบุตรจริง - กรณีมีเฉพาะบุตรบุญธรรม: ลดหย่อนบุตรได้คนละ 30,000 บาท สูงสุด 3 คน
- กรณีมีทั้งบุตรตามกฎหมายและบุตรบุญธรรม: ใช้สิทธิบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายก่อน และหากบุตรบุญธรรมเป็นคนที่ 4 จะไม่สามารถใช้สิทธิได้ แต่ถ้าบุตรบุญธรรมอยู่ในคนที่ 1-3 สามารถใช้สิทธิบุตรบุญธรรมได้
- กรณีเลี้ยงดูบิดามารดาของตนเอง: ลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท ไม่เกิน 2 คน และจะต้องไม่ใช่พ่อแม่บุญธรรม โดยบิดามารดาจะต้องมีอายุมากกว่า 60 ปีในปีภาษีนั้น และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท ซึ่งไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนซ้ำระหว่างพี่น้องได้ หากจะใช้สิทธิลดหย่อนเลี้ยงดูแม่เพียงคนเดียว ต้องตกลงกับพี่น้องว่าใครจะใช้สิทธินี้
- กรณีเลี้ยงดูบิดามารดาของคู่สมรส: ลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท ไม่เกิน 2 คน จะต้องไม่ใช่พ่อแม่บุญธรรมของคู่สมรส และคู่สมรสไม่มีรายได้เลยตลอดปีภาษีนั้น
2. สิทธิลดหย่อนจากเงินบริจาค
3. สิทธิลดหย่อนจากการออมและลงทุน
สิทธิลดหย่อนเพื่อการเกษียณอายุ ได้แก่ กองทุน RMF กองทุน SSF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ และเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ
4. สิทธิลดหย่อนจากเบี้ยประกัน
5. ค่าลดหย่อนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย สามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท
6. ค่าลดหย่อนกลุ่มกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ
โครงการช้อปดีมีคืน 2565 สามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับค่าซื้อสินค้าและบริการในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2565 ตามที่จ่ายจริง โดยสินค้าและบริการที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ได้แก่ สินค้าและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สินค้า OTOP สินค้าหมวดหนังสือ (รวมถึง E-Book)
ส่วนเรื่องเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ถือเป็นบทลงโทษเกี่ยวกับภาษีอากร โดยอาจมีโทษทางอาญาด้วย แล้วแต่ความผิดว่าเป็นเรื่องร้ายแรงขั้นไหน โดยหากบุคคลใดยื่นแบบฯ ภายในกำหนดแต่ชำระภาษีไม่ครบถ้วน หรือยื่นแบบฯ ล่าช้า ละเลย หรือหลีกเลี่ยงการยื่นแบบฯ จะต้องเสียเงินเพิ่มและเบี้ยปรับตามกฎหมายกำหนด และหากฝ่าฝืนไม่ยอมชำระ ก็ต้องรับโทษทางอาญาด้วย ซึ่งมีบทลงโทษ ดังนี้
1. กรณีไม่ชำระภาษีภายในกำหนดเวลา จะต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน (เศษของเดือนให้นับเป็น 1 เดือน) ของเงินภาษีที่ต้องชำระนับแต่วันพ้นกำหนดเวลาการยื่นรายการจนถึงวันชำระภาษี
2. กรณีเจ้าพนักงานตรวจสอบออกหมายเรียก และปรากฏว่ามิได้ยื่นแบบแสดงรายการไว้หรือยื่นแบบแสดงรายการไว้แต่ชำระภาษีขาดหรือต่ำไป นอกจากจะต้องรับผิดชำระเงินเพิ่มแล้ว ยังจะต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับอีก 1 เท่าหรือ 2 เท่าของภาษีที่ต้องชำระแล้วแต่กรณี เงินเบี้ยปรับดังกล่าวอาจลดหรืองดได้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี
3. กรณีไม่ยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90, 91 หรือ 94 ภายในกำหนดเวลา ต้องระวางโทษปรับทางอาญาไม่เกิน 2,000 บาท
4. กรณีจงใจ แจ้งข้อความเท็จ หรือแสดงหลักฐานเท็จหรือฉ้อโกง เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท
5. กรณีเจตนาละเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ภาษีเป็นฐานรายได้สำคัญที่รัฐบาลของทุกประเทศเก็บกับประชาชน เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาและบริหารประเทศในด้านต่างๆ ซึ่งการเสียภาษีให้ถูกต้องตามฐานรายได้ที่แท้จริงของตนเอง เป็นสิ่งที่ประชาชนพึงกระทบ เพื่อมีส่วนช่วยสนับสนุนการพัฒนาประเทศต่อไป
ส่วนใครที่คิดจะหลบเลี่ยงภาษี ต้องตระหนักไว้ให้ดีว่า หากกรมสรรพากรตรวจสอบย้อนหลังมาพบ จะต้องถูกลงโทษทั้งจำทั้งปรับ หรือกรณีบางรายอาจถูกดำเนินคดีทางอาญา ถ้าพบว่ากระทำความผิดร้ายแรงด้วย...