นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยความคืบหน้าการยืนยันตัวตนของผู้ที่ผ่านเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ณ วันที่ 21 มีนาคม 2566 เวลา 13.00 น. มีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จ จำนวนทั้งสิ้น 11,383,700 ราย หรือคิดเป็น 77.99% ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดจำนวน 14,596,820 ราย สำหรับและมีจำนวนผู้ยื่นอุทธรณ์จำนวนทั้งสิ้น 1,122,950 ราย
โดยสามารถขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติได้ 2 ช่องทาง ได้แก่ ขออุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ตั้งแต่เวลา 6.00 น. - 23.00 น. ของทุกวัน หรือ ขออุทธรณ์ผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่
โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ผ่านเกณฑ์และยืนยันตัวตนสำเร็จ (ผู้มีสิทธิ) ภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566 จะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 ตามกำหนดการที่กำหนดไว้ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะได้รับสวัสดิการ ดังนี้
1. วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรมจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน โดยผู้มีสิทธิสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่เวลา 05.00 – 23.00 น. ของทุกวัน
2. วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 80 บาทต่อคน ต่อ 3 เดือน โดยผู้มีสิทธิสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่เวลา 05.00 – 23.00 น. ของทุกวัน
3. วงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 750 บาทต่อคนต่อเดือน โดยสามารถ ใช้โดยสารได้กับระบบขนส่ง ได้แก่
โดยผู้มีสิทธิสามารถใช้บริการระบบขนส่งดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 ตั้งแต่เวลา 00.30 น. เป็นต้นไป อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเตรียมการเพิ่มเติมประเภทระบบขนส่ง เพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่ผู้มีสิทธิ ได้แก่
4. มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า อุดหนุนค่าไฟฟ้าจำนวน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้ไฟฟ้าเกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีสิทธิจะต้องเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด โดยจะได้รับสิทธิเดือนแรก คือ “ใบแจ้งหนี้ค่าบริการเดือนเมษายน 2566” หากลงทะเบียนกับหน่วยงานผู้ให้บริการ ได้แก่
5. มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา อุดหนุนค่าน้ำประปาจำนวน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท ผู้มีสิทธิยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาท และจะต้องชำระส่วนที่เกิน 100 บาท ด้วยตนเอง แต่หากผู้มีสิทธิใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท จะต้องเป็นผู้รับภาระค่าน้ำประปาทั้งหมด โดยจะได้รับสิทธิเดือนแรก คือ “ใบแจ้งหนี้ค่าบริการเดือนเมษายน 2566”
หากลงทะเบียนกับหน่วยงานผู้ให้บริการ ได้แก่ สำนักงานการประปานครหลวง และสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคภายในวันที่ 25 มีนาคม 2566 เวลา 17.00 น. สำหรับมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางจะชำระค่าบริการที่ผู้มีสิทธิที่ใช้บริการตามเงื่อนไขที่กำหนดให้แก่หน่วยงานผู้ให้บริการทั้ง 5 แห่งดังกล่าวข้างต้น
โดยผู้มีสิทธิไม่จำเป็นต้องสำรองเงินในการชำระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาแต่อย่างใด ซึ่งผู้มีสิทธิสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2566 ดังนี้ การลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้า สามารถลงทะเบียนได้ที่
การลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปา สามารถลงทะเบียนได้ที่
ทั้งนี้ การได้รับสวัสดิการภายใต้โครงการฯ จะไม่กระทบกับการได้รับสวัสดิการอื่น ๆ ของภาครัฐโดยผู้มีสิทธิตามโครงการฯ จะยังคงสามารถรับสิทธิสวัสดิการอื่น ๆ ของภาครัฐได้โดยไม่มีการตัดสิทธิสวัสดิการอื่น ๆ แต่อย่างใด