กำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์หด ดันเทรนด์ 'เช่า' มาแรง!

ผู้จัดการทั่วไป ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (ฝั่งดีเวลลอปเปอร์) วิทยา อภิรักษ์วิริยะ ระบุ คาดการณ์ปีนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากปัจจัยเสริมหลายประการ ซึ่งรวมถึงการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน และการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของรถไฟฟ้าสายต่างๆ ในกรุงเทพฯ ปัจจุบันยังไม่พบอุปทานส่วนเกินในตลาด ขณะที่สต็อกบ้านที่เหลือค้างอยู่ในระบบปัจจุบันจะค่อยๆ ทยอยระบายออก อย่างไรก็ดี ผู้ซื้อบ้านต้องเตรียมพร้อมทางการเงินสำหรับปีนี้ไว้ด้วย เนื่องจากต้นทุนการสร้างที่อยู่อาศัยเริ่มปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงอัตราเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราของดอกเบี้ย และปัจจัยอื่นๆ ที่กระทบต่อราคาของอสังหาริมทรัพย์

ทั้งนี้ แม้ความต้องการซื้อและเช่าที่อยู่อาศัยโดยรวมจะลดลงจากไตรมาสก่อน แต่มีทิศทางเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยความต้องการซื้อโดยรวมเพิ่มขึ้น 36% และเพิ่มขึ้นทุกประเภทที่อยู่อาศัยเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด จากดีมานด์ที่ปรับเพิ่มขึ้นนี้ คาดว่าที่อยู่อาศัยคงเหลือในตลาดจะค่อย ๆ ถูกดูดซับไป โดยภาพรวมยังไม่มีแนวโน้มจะเกิดภาวะสินค้าล้นตลาด หรือ Oversupply ขณะที่ความต้องการเช่าเพิ่มขึ้นถึง 124% จากช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาด สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าเทรนด์เช่าที่อยู่อาศัยได้รับความนิยมมากกว่าการซื้อ เนื่องจากผู้บริโภคไม่มีเงินเก็บเพียงพอที่จะใช้ในการซื้ออสังหาฯ และการเช่ายังยืดหยุ่นเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคปัจจุบันมากกว่า

จากรายงานโดย Thailand Property Market Report ฉบับล่าสุดจัดทำโดย DDproperty ระบุว่า ดัชนีความต้องการที่อยู่อาศัยโดยรวมในไตรมาส 4/2565 เพิ่มขึ้น 47% เปรียบเทียบกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่ดัชนีราคาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ปี 2566 มีแนวโน้มสูงขึ้น นอกจากนี้ ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยพื้นที่ในเขตปริมณฑลและบริเวณรอบนอกของกรุงเทพฯ ที่อยู่ในเส้นทางรถไฟสายสีแดง รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน และรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเติบโตสูงสุดในไตรมาส 4/2565

ด้านผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่มีมุมมองต่อตลาดในเชิงบวก สำหรับต่างประเทศและนักลงทุนก็เริ่มกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งหลังการเดินทางและการท่องเที่ยวกลับมาสู่ภาวะปกติ การที่ประเทศจีนได้เปิดประเทศอีกครั้ง คาดว่าจะเป็นการช่วยผลักดันการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในประเทศไทย ส่วนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่อไปเช่นกัน