
รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานว่า วันนี้ (1 มี.ค.) ก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจีปรับ ราคาขายปลีกปรับขึ้นอีกกก.ละ 1 บาท หรือ 15 บาทต่อถังขนาด 15 กก. จากถังละ 408 บาทไปอยู่ที่ 423 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 1-31 มี.ค.2566 ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)เนื่องจากราคาแอลพีจีตลาดโลกสูงกว่าราคาขายต้นทุนจริงมาก
นอกจากนี้ในการประชุมกบง.วันที่ 7 มี.ค.2566 จะมีการหารือถึงแนวทางการดูแลราคาก๊าซหุงต้มผ่านกลไกการบริหารจัดการของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ล่าสุด ณ วันที่ 28 ก.พ. กองทุนน้ำมันอุดหนุนราคาแอลพีจีให้ประชาชนแล้วที่ 9.04 บาทต่อ กก.หรือคิดเป็นเงินอุดหนุนวันละ 23.13 ล้านบาท หรือเดือนละ 693 ล้านบาท ส่งผลให้บัญชีแอลพีจีติดลบ 46,095 ล้านบาท
ทั้งนี้บัญขีแอลพีจีที่ติดลบเกือบชนเพดานที่กองทุนน้ำมันกำหนดไว้ไม่เกิน 48,000 ล้านบาท ส่วนบัญชีน้ำมันติดลบ 57,917 ล้านบาท ทำให้ภาพรวมบัญชีกองทุนน้ำมันติดลบ 104,102 ล้านบาท ดังนั้น คาดว่าในเดือน เม.ย.นี้ มีโอกาสที่ กบง.จะอนุมัติให้มีการปรับขึ้นราคาแอลพีจีอีก 1 บาทต่อ กก. ซึ่งจะส่งผลให้ราคาปรับขึ้นไปอยู่ที่ 438 บาทต่อถัง
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ราคาก๊าซแอลพีจี ของตลาดโลก ผันผวนตามราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย และความต้องการใช้น้ำมันและก๊าซแอลพีจีของโลก
ขณะที่ราคาก๊าซแอลพีจีในตลาดยังคงผันผวน โดยเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ราคานำเข้าอยู่ที่ 698 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หากเทียบราคาที่จะต้องขายจริงในขนาดถัง 15 กิโลกรัม จะอยู่ที่ 450 บาท แต่ปัจจุบันขายราคาขายปลีกอยู่ที่ 408 บาท ทำให้บัญชีก๊าซแอลพีจี ในกองทุนน้ำมันฯ ติดลบ 813 ล้านบาทต่อเดือน
ส่วนฐานะกองทุนบัญชีก๊าซแอลพีจี ติดลบกว่า 44 ล้านบาท ซึ่งจะใกล้กรอบวงเงินกองทุนน้ำมัน ที่ติดลบได้ไม่เกิน 48 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ตรึงราคามาตั้งแต่เดือน ต.ค. ที่ผ่านมา หรือ 5 เดือนมาแล้ว ทำให้ในวันนี้จำเป็นต้องขึ้นราคาขายปลีกอีกกิโลกรัมละ 1 บาท เป็น 423 บาท ต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม