svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

พร้อมไหม! ประกันสังคม เล็งปรับฐานคำนวณเงินสมทบใหม่ จ่ายสูงสุด 1,150 บาท

09 กุมภาพันธ์ 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"สำนักงานประกันสังคม" กำลังเปิดรับฟังความคิดเห็น ถึงการปรับฐานค่าจ้าง ที่ใช้คำนวณเงินสมทบใหม่แบบขั้นบันได โดยขั้นสูงสุดอยู่ที่ 23,000 บาท จากเกณฑ์เดิมที่ 15,000 บาท ส่งผลให้ยอดส่งเงินสมทบเพิ่มสูงสุด 1,150 บาท ในปี 2573

28 ก.พ 66 นี้ จะครบกำหนดการเปิดรับฟังความคิดเห็น ผ่านเว็บไซต์ระบบกลางกฎหมาย กรณี ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูง ที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. ... โดยมีสาระสำคัญ คือ กำหนดค่าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูง ที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณ เงินสมทบกองทุนประกันสังคมของผู้ประกันตนมาตรา 33  โดยจะปรับฐานค่าจ้างขั้นสูงจาก 15,000 บาท แบบค่อยเป็นค่อยไป สูงสุด 23,000 บาท ในปี 2573  โดยเป็นการทยอยปรับดังนี้

  • อัตราเดิม  จำนวนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท และไม่เกิน 15,000 บาท  จ่าย 83 -750 บาท
  • วันที่ 1 ม.ค  67 - 31 ธ.ค. 69 จำนวนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท และไม่เกิน 17,500 บาท จ่าย 83 - 875 บาท
  • วันที่ 1 ม.ค.70 -31 ธ.ค. 72 จำนวนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท และไม่เกิน 20,000 บาท   จ่าย 83 - 1,000 บาท
  • วันที่ 1 ม.ค. 2573 เป็นต้นไป จำนวนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท และไม่เกิน 23,000 บาท จ่าย 83 - 1,150 บาท

พร้อมไหม! ประกันสังคม เล็งปรับฐานคำนวณเงินสมทบใหม่ จ่ายสูงสุด 1,150 บาท

แก้กฎใหม่ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ

เดิมที กระทรวงแรงงาน ระบุว่า กฎกระทรวง ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2538) ออกตามความในพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ได้กำหนดค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของผู้ประกันตนมาตรา 33 ไว้ไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งใช้มาตั้งแต่ วันที่ 30 มีนาคม 2538 จนถึงปัจจุบัน จึงเห็นสมควร ปรับปรุงให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเป็นไปตามมาตรฐานเพดานค่าจ้างขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ

อีกทั้งการเก็บเงินสมทบเพิ่มขึ้น จะสามารถจัดสรรสิทธิประโยชน์ ที่เป็นเงินทดแทนการขาดรายได้ อาทิ ปี 2567 ผู้ประกันตนที่ค่าจ้างมากกว่า 17,500 บาท จะส่งเงินสมทบเดือนละ 875 บาท จากเดิม 750 บาท และ จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น เงินทดแทนขาดรายได้ กรณีว่างงานเพิ่มเป็นเดือนละ 8,750 บาท จากเดิม 7,500 บาท

รวมทั้งยังเพิ่มรายได้ให้กับกองทุนรองรับรายจ่าย ค่ารักษาพยาบาลได้สูงขึ้นตามไปด้วย และ ยังเป็นการกระจายรายได้จากผู้มีรายได้มากไปสู่ผู้มีรายได้น้อยภายในระบบประกันสังคม และเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบประกันสังคม

สำหรับสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนมาตรา33 ที่จะได้รับ ปัจจุบันมีกำหนดไว้ดังนี้

  • เงินทดแทนการขาดรายได้กรณีเจ็บป่วย 50% ของค่าจ้างที่นำส่งเข้ากองทุน
  • เงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ 70% หรือ 30% ของค่าจ้างที่นำส่งเข้ากองทุน
  • เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร 50% ของค่าจ้างที่นำส่งเข้ากองทุน
  • เงินสงเคราะห์กรณีตาย 50% ของค่าจ้างที่นำส่งเข้ากองทุน
  • เงินทดแทนการขาดรายได้ในกรณีว่างงาน 50% หรือ 30% ของค่าจ้างที่นำส่งเข้ากองทุน
  • เงินบำนาญชราภาพ ไม่ต่ำกว่า 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายที่นำส่งเข้ากองทุน โดยผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบ 15 ปี จะได้รับบำนาญ 20% ของค่าจ้าง ส่วนผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบมากกว่า 15 ปี จะได้รับบำนาญเพิ่มอีก 1.5% ทุกการส่งเงินสมทบครบ 12 เดือน
  • สำหรับเงินบำเหน็จชราภาพจะได้รับเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ เนื่องจากมีการนำส่งเงินสมทบเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพเพิ่มขึ้นจากการปรับฐานที่ใช้ในการคำนวณเงินสมทบ


 

 

 

logoline