svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ประชาชน "ไม่พร้อมจ่ายภาษี" กังวลรัฐจัดสวัสดิการไม่ทั่วถึง

05 กุมภาพันธ์ 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กระทรวงดิจิทัลฯ เปิดโพลสำรวจความเห็นประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปทั่วประเทศเกี่ยวกับสวัสดิการของรัฐ ส่วนใหญ่ไม่ยินยอมให้เก็บภาษี แจงเหตุผลไม่มีเงินเพียงพอในการจ่าย หวั่นรัฐไม่มีกฏเกณฑ์เพียงพอในการจัดสวัสดิการ

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) ได้จัดสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสวัสดิการของรัฐ พ.ศ. 2565 ที่เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 6,970 คน ระหว่างวันที่ 17-31 ตุลาคม 2565 

โดยการสำรวจพบว่าในหัวข้อการจัดเก็บภาษีผู้ที่มีรายได้ เพื่อนำมาจัดสวัสดิการให้ครอบคลุมทุกช่วงวัย พบว่า ประชาชน 37.5%  ไม่ยินยอมให้จัดเก็บโดยให้เหตุผลว่า

1.ไม่มีเงินเพียงพอที่จะเสียภาษี

2.กังวลว่าการจัดสวัสดิการให้ประชาชนได้ไม่ทั่วถึง

3. ไม่มีหลักเกณฑ์ กฎหมายที่แน่นอนที่จะรับประกันการจัดสวัสดิการให้

 

ส่วนประชาชน 44.6%  ที่ตอบคำถามว่ายินยอมให้จัดเก็บได้ โดยให้เหตุผลว่า

1.เพื่อให้ได้สวัสดิการที่ครอบคลุมและทั่วถึง   

2. ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

 3. ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมในสังคม

สำหรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่ประชาชนเสนอได้แก่ 

1.ควรจัดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในหมู่บ้าน ชุมชน เพื่อรองรับผู้สูงอายุที่มีมากขึ้น และลดการถูกทอดทิ้งไม่ให้อยู่เพียงลำพัง พร้อมทั้งจัดให้มีกิจกรรมนันทนาการส่งเสริมคุณภาพชีวิต เช่น การจ้างนักศึกษาจบใหม่ที่มีภูมิลำเนาในหมู่บ้าน/ชุมชนเป็นอาสาสมัครร่วมกับเจ้าหน้าที่ อสม. เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าพี่พัฒนาสังคม     และ อบต./เทศบาลในการช่วยดูแลศูนย์ และให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือดูแลกัน

 2.ควรส่งเสริม/สนับสนุนให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงช่องทางการบริการต่าง ๆ ของทุกหน่วยงานได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และทั่วถึง รวมทั้งทำให้ประชาชนรู้เท่าทันภัยออนไลน์

 3.ควรสร้างความเชื่อมั่นในการรักษาพยาบาลให้กับประชาชนในการใช้สิทธิการรักษาพยาบาลทุกประเภทให้มีความเท่าเทียม ทั่วถึง และครอบคลุมในทุกพื้นที่ เช่น คุณภาพของยา การบริการและความสะดวกรวดเร็ว

4.ควรสนับสนุนให้มีสวัสดิการเรียนฟรีในทุกระดับ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือน และทุกคนสามารถเข้าถึงระบบการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

5.ควรส่งเสริม สนับสนุนสวัสดิการในเรื่องคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนเพิ่มเติม เช่น ค่าใช้จ่ายให้กับครัวเรือนที่เลี้ยงดูบิดา มาร ดาที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จัดศูนย์เด็กเล็ก/ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กใกล้สถานที่ทำงาน และจัดบริการขนส่งสาธารณะฟรีให้กับเด็ เยาวชนที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี


 

ส่วนผลการสำรวจความคิดเห็นอื่น ๆ ที่น่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่

1.การใช้บริการสวัสดิการของรัฐด้านคุณภาพชีวิต เช่น เบี้ยยังชีพเด็กแรกเกิด บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเบี้ยยังชีพคนพิการ พบว่า ประชาชนมากกว่าร้อยละ 97.0 ระบุว่าไม่มีปัญหาการใช้บริการ และพบว่าน้อยกว่าร้อยละ 3.0 มีปัญหา เช่น เงินไม่เพียงพอ ลำบากในการต้องไปถอนเงิน และเงินเข้าช้า

 2.สวัสดิการของรัฐด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน “เรียนฟรีถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3” สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายของครัวเรือน พบว่า ประชาชน (ร้อยละ 80.6) ระบุว่าสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก-มากที่สุด และ (ร้อยละ 3.2) ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้น้อย-น้อยที่สุไม่ช่วยเลย

3.การใช้บริการของรัฐด้านการรักษาพยาบาล ได้แก่ สิทธิข้าราชการ สิทธิประกันสังคม     และสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า พบว่า ประชาชนมากกว่าร้อยละ 97.0 ระบุว่าไม่มีปัญหาในการใช้บริการ    และน้อยกว่า ร้อยละ 2.0 มีปัญหา เช่น การบริการล่าช้ารอคิวนาน และต้องใช้บริการเฉพาะโรงพยาบาลตามสิทธิเท่านั้น

4.ความพึงพอใจในการใช้บริการด้านการรักษาพยาบาล ดังนี้

- ประเภทสถานพยาบาล พบว่า ประชาชนที่เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลเอกชน  ร้อยละ 76.8 มีความพึงพอใจมาก-มากที่สุด และร้อยละ 1.0 มีความพึงพอใจน้อย-น้อยที่สุด ส่วนประชาชนที่เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลของรัฐร้อยละ 70.4 มีความพึงพอใจมาก-มากที่สุด และร้อยละ 3.6 มีความพึงพอใจน้อย-น้อยที่สุด

- สิทธิการรักษาพยาบาล พบว่า ประชาชนที่ใช้สิทธิประกันสุขภาพ ประกันชีวิตร้อยละ 86.5 มีความพึงพอใจมาก-มากที่สุด รองลงมา คือ สิทธิสวัสดิการข้าราชการ จ่ายเงินเอง สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และสิทธิกองทุนประกันสังคมตามลำดับ

- สวัสดิการที่ประชาชนต้องการให้รัฐจัดเพิ่มเติม เช่น การสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้กับครัวเรือนที่เลี้ยงดูบิดา/มารดาที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป (ประชาชนร้อยละ 93.5) จัดสวัสดิการศูนย์เด็กเล็ก/ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในหน่วยงาน/ใกล้สถานที่ทำงาน (ประชาชนร้อยละ 87.6) และจัดสวัสดิการขนส่งสาธารณะฟรีให้กับเด็ก/เยาวชนที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี (ประชาชนร้อยละ 85.9)

5.การลงทะเบียนโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 พบว่า ประชาชนที่ลงทะเบียนโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐร้อยละ 84.2 ไม่ประสบปัญหาในการลงทะเบียน ขณะที่ประชาชนร้อยละ 15.8 ประสบปัญหาในการลงทะเบียน ได้แก่ รอคิวลงทะเบียนกับหน่วยงานนาน เว็บไซต์ขัดข้อง-ล่ม และเดินทางไปหน่วยงานที่รับลงทะเบียนไม่สะดวกอยู่ในพื้นที่ห่างไกล

logoline