รายงานสถานการณ์ และ คุณภาพอากาศประเทศไทย ของ กรมควบคุมมลพิษ วันที่ 3 ก.พ. 2566 ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ณ เวลา 11.00 น. พบว่า ฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ตรวจพบค่าระหว่าง 48 - 104 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ครบคลุมเกือบทุกพื้นที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงเตรียมบรรเทาผลกระทบด้วยปฎิบัติการฝนหลวงตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. 2566 นี้
นางสาววาสนา วงษ์รัตน์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการฝนหลวง กล่าวว่า ในวันนี้(3 ก.พ.2566) ได้ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว 2 จุด คือ จังหวัดเชียงใหม่ ปฎิบัติการตั้งแต่ 3-7 ก.พ. 2566 และ จังหวัดระยอง ณ สนามบินอู่ตะเภา ปฎิบัติการตั้งแต่ 3-10 ก.พ. 2566
โดยในส่วนของหน่วยเคลื่อนที่เร็ว จังหวัดระยอง จะทำการบินเพื่อก่อเมฆฝน ให้เคลื่อนตัวเข้ามายังพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เนื่องจากไม่สามารถทำการบินในพื้นที่ใจกลางเมืองได้ โดยจากการประมาณทิศทางลมตะวันออก และ ค่าความชื้นคาดว่าจะก่อให้เกิดฝนเพื่อบรรเทาค่าฝุ่นละออง PM2.5 ได้บ้างตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้
“ในแต่ละวันเราจะทำการบินหลายๆรอบเพื่อก่อให้เกิดเมฆฝนมากที่สุด ซึ่งปริมาณฝนที่ได้อาจจะไม่มากเท่าฝนธรรมชาติ แต่ก็จะช่วยให้ค่าฝุ่นเบาบางลง โดยการขึ้นบินแต่ละครั้งจะใช้เวลาก่อตัวของเมฆ 1-2 ชม. ด้วยเครื่องบินฝนหลวงคาราแวน(caravan) จำนวน 2 ลำ” นางสาววาสนากล่าว
ขณะที่ จ.เชียงใหม่ นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม รองอธิบดีกรมฝนหลวง และ การบินเกษตร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ลงพื้นที่เพื่อดูแล ผลกระทบจากการเผาป่า จนเกิดปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก และได้สั่งเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุกวัน เพื่อวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อสภาพอากาศเหมาะสมและเข้าเงื่อนไข
โดยมีพื้นที่เป้าหมายช่วยเหลือ จำนวน 6 ดอย ได้แก่ บริเวณดอยพระบาท จังหวัดลำปาง ดอยจระเข้ จังหวัดเชียงราย ดอยกองมู จังหวัดแม่ฮ่องสอน ดอยขะม้อ จังหวัดลำพูน ดอยหลวงและ ดอยสุเทพ รวมถึงพื้นที่เฝ้าระวัง
รอยต่อระหว่างจังหวัด จำนวน 19 รอยต่อของพื้นที่ภาคเหนือ ที่อาจเกิดไฟป่าอีกด้วย อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร รวมทั้งสนับสนุนอากาศยานให้แก่กองทัพภาคที่ 3 เพื่อใช้ในการปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าและบินสำรวจจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ