svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ฟื้นสัมพันธ์ 'ไทย-ซาอุฯ' โอกาสสำคัญการค้าไทย

27 มกราคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หลังจากประเทศไทยฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียในรอบกว่า 32 ปี เครื่องยนต์เศรษฐกิจในภาคท่องเที่ยว การค้าและการลงทุน เติบโตอย่างรวดเร็ว

ผู้อำนวยการกองตะวันออกกลาง กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา กระทรวงการต่างประเทศ ชาครีย์นรทิพย์ เสวิกุล ระบุ หลังจากประเทศไทยฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียในรอบกว่า 32 ปี เครื่องยนต์เศรษฐกิจในภาคท่องเที่ยว การค้าและการลงทุน เติบโตอย่างรวดเร็ว ไทย-ซาอุฯ มีความร่วมมือร่วมกันทั้งหมด 9 สาขาได้แก่ ได้แก่ การท่องเที่ยว จะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับประชาชนมากขึ้น ด้านแรงงาน ไทยจะส่งแรงงานไปยังซาอุดีอาระเบีย ให้ใกล้เคียงเหมือน 30 กว่าปีก่อน ที่แรงงานไทยไปทำงานกว่า 3 แสนราย ด้านอาหาร ไทยอุดมสมบูรณ์ด้วยผลิตผลทางการเกษตร มีศักยภาพในการผลิต และพร้อมส่งออกให้แก่ซาอุดีอาระเบีย ด้านการค้าและการลงทุน ทั้งสองประเทศพร้อมลงทุนระหว่างกัน อาทิ เอกชนไทยพร้อมเข้าไปลงทุนธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าตกแต่งภายใน ส่วนซาอุดีอาระเบียมีความสนใจมาลงทุนด้านพลังงานในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี

สำหรับภูมิภาคตะวันออกกลาง ประกอบด้วยกลุ่มประเทศต่างๆ ดังนี้ 1. กลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ Gulf Cooperation Council หรือกลุ่มประเทศ GCC ประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และบาห์เรน 2. กลุ่มประเทศอาหรับอื่นๆ จำนวน 5 ประเทศ ได้แก่ เลบานอน จอร์แดน ซีเรีย อิรัก และเยเมน และ 3. กลุ่มประเทศที่ไม่ใช่อาหรับ จำนวน 4 ประเทศ ได้แก่ อิหร่าน ตุรกี ไซปรัส และอิสราเอล

 

โดยตลาดตะวันออกกลางเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง เนื่องจากการผลิตสินค้ายังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ อันด้วยมาจากสภาพภูมิประเทศไม่เอื้อต่อการเพาะปลูก สภาพภูมิอากาศที่แห้งแล้ง ขาดแคลนแหล่งน้ำใต้ดิน ประกอบกับพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับทำการเกษตรมีอยู่น้อยมาก ส่งผลให้ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากในแต่ละปี โดยเฉพาะสินค้าอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งต้องมีการนำเข้าสูงถึงมากกว่า 70% และจากนโยบายการเร่งอัดฉีดเงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19 ยิ่งส่งผลให้มีความต้องการสินค้าอาหารเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย จึงถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับการส่งออกของไทยไปยังตะวันออกกลาง

ปัจจุบันมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับตะวันออกกลาง ในช่วง 10 เดือนปี 2565 (ม.ค.-ต.ค.) มีมูลค่าการค้ารวม 1,330,144.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.55% แบ่งเป็นการนำเข้า 1,022,002.49 ล้านบาท และการส่งออก 308,141.98 ล้านบาท โดยสินค้าที่ไทยส่งออกไปตะวันออกกลาง 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 2. ข้าว 3. เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 4. ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ 5. อัญมณีและเครื่องประดับ และสินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากตะวันออกกลาง 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. น้ำมันดิบ 2. ก๊าซธรรมชาติ 3. น้ำมันสำเร็จรูป 4. ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ 5. เคมีภัณฑ์

ฟื้นสัมพันธ์ 'ไทย-ซาอุฯ' โอกาสสำคัญการค้าไทย

ด้านนายกสมาคมการค้าผู้ส่งออกเอเชียและตะวันออกกลาง อัครวุฒิ ตั้งศิริกุศลวงศ์ ระบุ หลังจากประเทศไทยและซาอุดิอาระเบียได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศถือเป็น โอกาสอันดีในการสร้างความร่วมมือกันในหลายๆด้านของทั้งสองประเทศ อาทิ พลังงาน การท่องเที่ยว ความมั่นคง การค้าและการลงทุน สุขภาพ อาหารและกีฬา

 

ชาวชาอุดีอาระเบียชื่นชอบและคุ้นเคยกับสินค้าจากประเทศไทยเป็นทุนเดิมโดยประเทศไทยมีชื่อเสียงมากกับชาวตะวันออกกลางในฐานะเป็น "ครัวโลก" และ "ศูนย์กลามทางการแพทย์" ประกอบกับความสัมพันธ์ที่ฟื้นฟูหลังจากการหารือของรัฐบาลทั้งสองฝ่าย เป็นโอกาสทองทางการค้าแบบนักลงทุนและ SME ไทยในการแสวงหาลู่ทางการทำธุรกิจและการแสวงหาหุ้นส่วนทางการค้าทั้งในชาอุดีอาระเบียและกลุ่มประเทศตะวันออกกลางด้วย

 

ทั้งนี้ สมาคมฯ ได้ร่วมจัดงาน Thai Trade Exhibition Saudi Arabia (Riyadh) 2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ส.ค-2 ก.ย.2566 ที่เมืองริยาด ซาอุดีอาระเบีย เป็นงานมหกรรมแสดงสินค้าอุปโภคบริโภคที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้นำเข้าผู้ค้าส่งและผู้ชมงานจากทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งมีกำลังซื้อสูง รวมทั้งนักท่องเที่ยวจากทุกภูมิภาค ได้คัดเลือกสินค้าเพื่อการนำเข้า และเลือกซื้อสินค้ารวมถึงเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนและประชาสัมพันธ์ศิลปวัฒนธรรมไทยกับผู้คนท้องถิ่น นี่จึเป็นโอกาสสุดพิเศษที่ผู้ประกอบการไทยจะได้ทำกำไรจากการค้าและขายสินค้าและบริการอย่างยั่งยืน

logoline