svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Business

ผู้ให้เช่าซื้อรถ แจงกฎหมายใหม่ ไม่ได้ "ลดต้น ลดดอก" คาดกลุ่มจยย.กระทบสุด

ผู้ประกอบ ระบุ กฎหมายเช่าซื้อรถ ฉบับใหม่ ไม่ได้ "ลดต้น ลดดอก" แบบการผ่อนค่างวดบ้าน แต่สาระสำคัญ คือ กำหนดเพดานดอกเบี้ยใหม่ พบกลุ่มสินเชื่อจักรยานยนต์ได้รับผลกระทบมากสุด คาดเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ขณะที่ภาพรวมดอกเบี้ยสินเชื่อ ต้นปีนี้จะเพิ่มอีก 20-50 สตางค์

จากการประกาศ ใช้กฎหมาย ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2565 ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) ที่มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. 2566 ซึ่งเกิดกระแสตื่นตัวจากผู้บริโภคว่า กฎหมายฉบับใหม่นั้น จะสามารถโปะหนี้เพื่อ “ลดต้น ลดดอกได้”  เช่นเดียวกับการผ่อนบ้าน จนเกิดการชะลอซื้อ เรื่องนี้ สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย ได้พยายามประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจว่า “ไม่ใช่ความจริง” ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

นายวิสิทธิ์ พึ่งพรสวรรค์ ประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย  ยืนยันว่า การคิดคำนวณ ดอกเบี้ยรถ ของกฎหมายฉบับใหม่นั้น ไม่ได้เปลี่ยนระบบการคิดคำนวณแต่อย่างใด แม้จะเป็นการคิดแบบคงที่ตลอดอายุสัญญา แต่ได้แจ้งให้ลูกค้ารับรู้ค่างวดเป็นแบบลดต้นลดดอกอยู่แล้ว ซึ่งการโปะจ่ายหนี้ เพื่อให้ได้ลดดอกเบี้ย จะทำได้ในกรณีเพื่อปิดบัญชีเท่านั้น  แตกต่างจากสินเชื่อบ้านที่สามารถโปะระหว่างงวดได้

 

“หลายคนคิดว่าหลังจากวันนี้ (10 ม.ค.2566 ) ดอกเบี้ยรถถูกลงนั้นไม่จริง เพราะที่ผ่านมาดอกเบี้ยที่คิดถูกกว่า เพดานดอกเบี้ยที่ สคบ. กำหนดอยู่แล้ว โดยรถใหม่ ไม่เกิน 3% และ รถมือสอง 5-6% แต่เพดานรถใหม่ สคบ. 10% และ รถมือสอง 15% และที่ผ่านมาการโปะเพื่อปิดบัญชีก็ได้ส่วนลดดอกเบี้ยอยู่แล้ว 50%” นายวิสิทธิ์กล่าว

ทั้งนี้จากประกาศดังกล่าว กลุ่มที่ถูกกระทบมากที่สุด คือ สินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ เพราะปัจจุบันดอกเบี้ยรถมอเตอร์ไซค์ คิดดอกเบี้ย 30-36% ต่อปี แต่ในประกาศคุมเพดานไว้ที่ 23% อาจทำให้ผู้กู้ขอสินเชื่อได้ยากขึ้น ผู้ปล่อยสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ เข้มงวดมากขึ้น และ ต้องมีเงินดาวน์ระดับหนึ่ง

นายวิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ตลาดสินเชื่อเช่าซื้อปี 2566 นี้ คาดว่าจะเติบโตสอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ ที่น่าจะมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องอยู่ที่ 10-15% อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น จะส่งผลกระทบให้ช่วงต้นปีนี้ อัตราการดอกเบี้ยเช่าซื้อจะขยับขึ้นเฉลี่ย 25-50 สตางค์ และปรับขึ้นในทุกประเภทรถยนต์ ซึ่งอาจกระทบต่อตลาดเล็กน้อย โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์พรีเมี่ยม ที่ให้ความสำคัญกับอัตราดอกเบี้ยมากกว่าตลาดอื่น

ด้านนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กฎหมายดังกล่าวจะเป็นผลดีต่อตัวผู้บริโภค ให้ได้รับความเป็นธรรมในการเช่าซื้อมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยจูงใจให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้นด้วย แต่คงไม่ถึงกับมีนัยยะสำคัญในการบริโภค เนื่องจากการกำลังซื้อของประชาชนยังกลับมาไม่เต็มที่ แม้ปีนี้จะมีปัจจัยบวกภายในประเทศเยอะขึ้น ทั้งจากภาคการท่องเที่ยว มาตรฐานสนับสนุนการใช้จ่ายของภาครัฐ  ราคาสินค้าเกษตรที่เริ่มฟื้นตัว แต่การตัดสินค้าซื้อรถยนต์ หรือ รถจักรยานยนต์ยังมีความรอบคอบมากขึ้น

สำหรับสาระสำคัญของประกาศธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2565  ประกอบด้วย 4 ประเด็นหลัก ดังนี้

1. การกำหนดกรอบอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อ มี 3 ประเภท

- รถยนต์ใหม่ต้องไม่เกิน 10% ต่อปี

- รถยนต์ใช้แล้ว ต้องไม่เกิน 15% ต่อปี

- รถจักรยานยนต์ต้องไม่เกิน 23% ต่อปี

2. หากผู้บริโภคนำเงินมาชำระค่างวดครบก่อนกำหนด (ปิดบัญชี) จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย ในการปิดค่างวดเป็นขั้นบันได มี 3 กรณี ดังนี้

- ชำระค่างวด ไม่เกินหนึ่งในสาม ของค่างวดตามสัญญา ให้ได้รับส่วนลด ไม่น้อยกว่า 60% ของดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ

- ชำระค่างวด ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม แต่ไม่เกินสองในสาม ของค่างวดตามสัญญา ให้ได้รับส่วนลด ไม่น้อยกว่า 70% ของดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ

- ชำระค่างวด เกินกว่าสองในสาม ของค่างวดตามสัญญา ให้ได้รับ ส่วนลดทั้งหมด ของดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ

3. ในกรณีนำรถออกขายทอดตลาด หากผู้บริโภคถูกยกเลิกสัญญา และผู้ให้เช่าซื้อนำรถออกขายทอดตลาด โดยปกติแล้ว ผู้บริโภคต้องรับผิดชอบค่างวดที่ค้างอยู่ตามสัญญา ประกอบด้วย เงินต้น และดอกเบี้ยที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ ซึ่งประกาศฉบับนี้ให้คิดได้เฉพาะเงินต้นเท่านั้น

4. การคิดเบี้ยปรับในการผิดนัดชำระ กรณีผู้บริโภคชำระค่างวดล่าช้า หรือผิดนัดชำระค่างวด ผู้ให้เช่าซื้อสามารถคิดเบี้ยปรับ จากผู้บริโภคได้ไม่เกิน 5% ต่อปีโดยคำนวณจากยอดเงินที่ผิดนัดชำระ

ผู้ให้เช่าซื้อรถ แจงกฎหมายใหม่ ไม่ได้  "ลดต้น ลดดอก" คาดกลุ่มจยย.กระทบสุด