นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบแนวนโยบายการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าในช่วงวิกฤตราคาพลังงาน (ตั้งแต่มกราคม – เมษายน 2566) และขอความร่วมมือ ปตท. สนับสนุนรายได้จากธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติ นั้น
ปตท. ไม่ได้นิ่งนอนใจ ต่อสถานการณ์วิกฤตพลังงาน ที่จะส่งผลกระทบ ต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. ได้เห็นชอบมาตรการ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ โดยจัดสรรก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติม เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า รวมทั้งพยายามจัดหา LNG ที่มีราคาเหมาะสม มุ่งลดต้นทุนเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าเทียบเท่า 6,000 ล้านบาท
พร้อมมั่นใจ ไม่ส่งผลกระทบ ต่อการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าว สามารถทำได้ เนื่องจากคาดการณ์ว่าความต้องการปิโตรเคมีช่วงต้นปี 2566 ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติส่งผลให้สามารถจัดส่งก๊าซธรรมชาติในส่วนนี้เพิ่มเติมให้กับภาคไฟฟ้าได้
ที่ผ่านมา ปตท. ได้บริหารจัดการด้านพลังงานเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุดโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง รวมงบประมาณการช่วยเหลือตลอดโครงการกว่า 1,223 ล้านบาท ได้แก่ การขยายระยะเวลาตรึงราคาขายปลีก NGV สำหรับผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ จนถึงวันที่ 15 มีนาคม 2566
รวมทั้งการขยายระยะเวลาการช่วยเหลือส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม (LPG) ให้แก่กลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหารที่เป็นผู้มีรายได้น้อยตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566