svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

ส่อง! ราคาทองทั้งปี 2565 ผันผวนเกินคาด ส่งผลปีนี้ ราคาทองยังเป็นช่วงขาขึ้น

01 มกราคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ราคาทองคำ" ที่ผันผวนใน 2565 จนยากเกินจะคาดเดา ทำให้เป็นโอกาสของนักลงทุนที่มีทองคำสะสมในมือ นำมาปล่อยขายทำกำไร ซึ่งสำหรับปีนี้ ผู้ค้าทองคำยังชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า ราคาทองจะยังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยลุ้นแตะราคาสูงสุดที่ระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ปี 2565 นับว่าเป็นปี ที่ราคาทองคำ ผันผวน เปลี่ยนไปมาแบบหักปากกาเซียน เพราะไม่สามารถคาดการณ์ถึงราคาได้เลย  จากปัจจัยที่มีผลกระทบทั้งค่าเงินบาท สถานการณ์โควิด-19 การปิดประเทศของจีน อัตราเงินเฟ้อ หรือแม้แต่ สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ก็เป็นปัจจัยที่เกินกว่าจะคาดเดาได้

โดยหากย้อนไปสำรวจราคาทองคำในช่วงปีที่ผ่านมาจะพบว่าตั้งแต่ต้นปี จะเห็นว่าราคาทองคำต่ำกว่าบาทละ 29,000 บาทเพียงแค่ 2เดือนแรกเท่านั้น หลังจากนั้นราคา ได้ปรับเพิ่มขึ้น และ ทรงตัวอยู่ในระดับเฉลี่ยบาทละ 29,000-30,000 บาทจนถึงปัจจุบัน

ส่อง! ราคาทองทั้งปี 2565 ผันผวนเกินคาด ส่งผลปีนี้ ราคาทองยังเป็นช่วงขาขึ้น

นายวรชัย ตั้งสิทธิภักดี กรรมการสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ราคาทองที่ทรงตัวอยู่ในระดับเดิม ทำให้ผู้บริโภคเริ่มชินกับราคา และ มีการเข้าซื้อ-ขายเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ช่วงกลางปี จนถึงช่วงปลายปี โดยช่วงเทศกาลที่ผ่านมา มีการบริโภคเพิ่มขึ้น 25-30% แต่ยังไม่ฟื้นตัวเป็นปกติ เหมือนช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19

นายวรชัย ตั้งสิทธิภักดี กรรมการสมาคมค้าทองคำ


สำหรับราคาทองคำในปีนี้ คาดการณ์ว่าจะไม่แตกต่างจากปี 2565 มากนัก กรอบราคาต่างประเทศอยู่ประมาณ 1,700 - 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากค่าเงินบาทอยู่ที่อัตรา 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ก็คาดว่าราคาทองในประเทศไทย จะอยู่ในกรอบบาทละ 29,000-30,000 บาท แต่หากค่าเงินบาทแข็งค่าที่ระดับ 33.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และ ราคาทองคำโลกอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็อาจจะได้เห็นราคาทองคำที่บาทละ 32,500 บาทได้อีกครั้ง
 

“แม้ว่าปีนี้ เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกสัก 2 ครั้ง แต่มีสัญญาณว่าจะขึ้นในระดับที่ชะลอลง รวมทั้งที่ผ่านมา จะเห็นว่าการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด กดดันให้ราคาทองลดลง ในระยะสั้นเท่าๆนั้น จึงแนะนำนักลงทุนว่า หากเห็นราคาทองย่อลงที่บาทละ 29,000 บาท ก็เป็นราคาที่สามารถเข้าซื้อทำกำไรได้เลย” นายวรชัย

สอดคล้องกับ นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า ภาพรวมราคาทองคำในปี 2565 ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวนราคาเหวี่ยงกว่า 20% โดยต้นปีราคาทองคำเปิดที่ 1,828 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ และ ปรับไปแตะระดับสูงสุดที่ 2,069 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ จากข่าวรัสเซีย- ยูเครนเข้ามาเป็นปัจจัยหนุน

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

และลดลงเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในเดือนมีนาคม จนทำจุดต่ำสุดที่ 1,614 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ แต่สัญญาณทองคำกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ช่วงท้ายปี เมื่อเฟดเริ่มมีท่าทีปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยลงทำให้ทองคำเริ่มยืนเหนือ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ จึงทำให้ปี 2565 นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบันหากใครถือทองคำในราคาไทย คาดว่าจะทำกำไรได้เกือบ 4%

ส่วนแนวโน้มปี 2566 ราคาทองคำโอกาสปรับขึ้นได้ค่อนข้างมาก โดยมีปัจจัยหนุนที่ต้องติดตาม 4 ปัจจัย ได้แก่ 

1. เศรษฐกิจสหรัฐฯ เพราะหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีโอกาสถดถอยหากเฟดยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีหากมองย้อนไปในอดีตจะพบว่าเมื่อเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจส่วนใหญ่ทองคำจะให้ผลตอบแทนเป็นบวก

2. ทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟด อาจจะเปลี่ยนไป คือปรับขึ้นได้น้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง และส่งผลบวกต่อราคาทองคำได้

3. การเคลื่อนไหวของกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่ ที่เดือน ตุลาคม และ พฤศจิกายน 2565 กองทุน SPDR ขายทองคำน้อยลง รวมถึงเริ่มกลับมาซื้อทองคำในเดือน ธันวาคม 2565 จึงเป็นสัญญาณบวกที่หนุนทองคำ 

4. ปัจจัยความขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย - ยูเครน ก็ยังเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ แม้จะมีผลต่อการลงทุนน้อยลงแล้ว แต่ก็ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม

สำหรับคำแนะนำการลงทุนทองคำในปี 2566 ในระยะกลาง และ ระยะยาว กรอบราคาต่างประเทศจะอยู่ที่ 1,879 – 1,916 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ โดยราคาไทยจะอยู่ที่ประมาณบาทละ 30,850-31,450 บาท ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่สดใส  อย่างไรก็ดี หากหลุด 1,766-1,729 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ หรือ บาทละ 29,000-28,350 บาท ก็สามารถรอซื้อที่ 1,616 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ หรือบาทละ 26,500 บาทได้ 

ราคาทองที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2565 จนถึง ปี2566 อาจเรียกได้ว่าเป็น “ปีทอง” ของนักลงทุนที่ถือทองคำไว้ในมือจำนวนมาก ได้นำออกมาทำกำไร แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อย หรือ ประชาชนทั่วไปก็ใช่ว่าจะเข้ามาทำกำไรจากราคาทองคำไม่ได้ แต่อาจจะต้องใช้วิธีแบบค่อยๆเก็บหอมรอมริบ และ รอเวลาเพื่อจะขายทำกำไร ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่า เป็นโอกาสของคนที่ ใจเย็นมากพอ

 

 

logoline