svasdssvasds
logo-pwa

เพิ่ม nation online

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

เตือนเกษตรกรระวังโรค "ราน้ำค้าง" ทำลายพืชผลเสียหาย

26 ธันวาคม 2565

กรมส่งเสริมการเกษตรประกาศเตือนเกษตรกรเฝ้าระวังโรค "ราน้ำค้าง" ช่วงอากาศเย็น ทำลายพืชผักเสียหาย ระบุหากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วต้องกำจัดเศษซากพืชทันที

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า  ช่วงนี้มวลอากาศเย็นปกคลุมประเทศไทยตอนบน และมีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดมาปกคลุม บริเวณอ่าวไทย ทำให้โดยรวมอากาศเย็นและบางพื้นที่ยังคงมีฝนตก

กรมฯ เตือนพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ ควรหมั่นดูแลและสำรวจแปลงเพาะปลูกพืชอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเข้าทำลายของโรคราน้ำค้าง (Downy mildew)

ซึ่งเป็นโรคพืชที่พบการระบาดมากในช่วงอากาศเย็น ความชื้นสูง และฝนตก ทำให้เชื้อราสาเหตุโรคสามารถแพร่ระบาดได้ดีไปกับ ลม และน้ำฝน หรือเครื่องมือทางการเกษตร และการเคลื่อนย้ายพืชปลูก

ดังนั้น เมื่อเกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ต้องกำจัดเศษซากพืช และวัชพืชในแปลง โดยนำออกไปทำลายนอกแปลงทันที เพื่อไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยข้ามฤดูของเชื้อรา

นอกจากนี้ เกษตรกรควรปลูกพืชอื่นหมุนเวียน ใช้เมล็ดพันธุ์ดีมีคุณภาพจากแหล่งปลอดโรค โดยแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่นอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส นาน 20-30 นาที หรือคลุกเมล็ดพันธุ์

ด้วยสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น เมทาแลกซิล 35% DS อัตรา 7 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม หรือ เมทาแลกซิล-เอ็ม 35% ES อัตรา 3.5 มิลลิลิตรต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม หรือ ไดเมโทมอร์ฟ 50% WP อัตรา 30 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค

รวมทั้งไม่ปลูกพืชในระยะชิดกันเกินไป เพื่อช่วยระบายอากาศและความชื้นในแปลง หลีกเลี่ยงการให้น้ำในตอนเย็น หรือช่วงอากาศเย็นมีความชื้นสูง และหมั่นสำรวจแปลงปลูกอยู่เสมอ

สำหรับโรคราน้ำค้างสามารถเข้าทำลายพืชได้หลายชนิด เช่น พืชตระกูลแตง ตระกูลกะหล่ำและผักกาด ข้าวโพด และองุ่น เป็นต้น โดยเชื้อราสาเหตุของโรคราน้ำค้าง ฝังอยู่ในเศษซากพืชที่ตกค้างในแปลง วัชพืช รวมทั้งพืชอาศัยอื่น และสามารถมีชีวิตอยู่ในดินได้นานหลายปี

โดยจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอุณหภูมิค่อนข้างต่ำ ประมาณ  18 - 25 องศาเซลเซียส และมีความชื้นในแปลงสูง

หากเข้าทำลายพืชปลูกจะสร้างความเสียหายได้ทุกระยะการเจริญเติบโต ทำให้ผลผลิตพืชลดลง รวมถึงขนาดและคุณภาพลดลงด้วย หากอาการรุนแรงจะทำให้ใบเหลืองและแห้งตายทั้งต้น

สำหรับวิธีการสังเกตและสำรวจเพื่อป้องกันโรคราน้ำค้างในแปลงปลูก ขอแนะนำให้เกษตรกรหมั่นสำรวจแปลงปลูกในช่วงเช้า เนื่องจากมีอากาศค่อนข้างเย็นและมีความชื้นสูง โดยพลิกดูใต้ใบพืช หากพบเส้นใยสีขาวหรือเทาคล้ายปุยฝ้าย หรือจุดแผลรูปสี่เหลี่ยม ให้ป้องกันกำจัดทันที

โดยพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น ไดเมโทมอร์ฟ 50% WP อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ เมทาแลกซิล 25% WP อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ให้ทั่วทั้งด้านบนใบและใต้ใบ ทุก 5-7 วัน

อย่างไรก็ตาม หากพบปัญหาเกี่ยวกับศัตรูพืชเข้าทำลาย สามารถขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน