นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยแนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์หน้ากับ Nation Online ว่า ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปีตลาดหุ้นจะเกิดซานต้าแรลลี่
แม้ว่าบางปีมูลค่าการซื้อขายจะเบาบาง เช่น จากสถิติปี 2562 เหลือไม่ถึง 3 หมื่นล้านบาท แต่หากย้อนดูข้อมูลย้อนหลัง 7 ปี ดัชนีหุ้นไทยเป็นบวกได้ 5 ปี ในรอบ 7 ปี
โดยหุ้นไทยบวกเฉลี่ย 0.5% ซึ่งหุ้นที่ Outperform หรือปรับตัวได้ดีกว่าตลาด เช่น รับเหมาบวก 1% แบงก์ 0.9 % ขนส่ง 0.8% เกษตร 1.6% ท่องเที่ยว 0.7% และวัสดุก่อสร้าง 1.1% เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวสัปดาห์หน้าไว้ที่ 1,610-1,635 จุด คาดว่ามูลค่าการซื้อขายไม่มากนัก เพราะเป็นวันหยุดยาวคริสต์มาสของตลาดหุ้นต่างประเทศ
ซึ่งปัจจัยที่ต้องติดตามคือตัวเลขภาคการผลิต PMI ของจีนเดือนพ.ย.คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 49 จุด จากเดิมเดือนต.ค.อยู่ที่ 48 จุด
รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยปลายปี เช่น เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ตลอดจนการประกาศตัวเลขการส่งออกไทย
โดย Consensus คาดติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ประมาณ 6.1% หากเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเดิมเดือนต.ค. ติดลบ 4.4% หลังตลาดส่งออกสำคัญของไทย
ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างสหรัฐ (สัดส่วนมูลค่าการส่งออก 16.4%) และจีน (สัดส่วนมูลค่าการส่งออก 12%) กำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว
ทั้งนี้หากตัวเลขส่งออกชะลอตัวลงตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว และการบริโภคในประเทศ
รวมถึงการลงทุนจากภาครัฐคาดว่าจะเพิ่มขึ้น เน้นหุ้น Outperform ได้รับผลบวกจากซานต้าแรลลี่ แนะนำ AOT (FV@B80) ASK (FV@B46) CK (FV@B27)
นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวกับ Nation Online ว่า หุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบ 1,610-1,640 จุด โดยมูลค่าการซื้อขายคาดว่าเบาบาง เนื่องจากเป็นสัปดาห์สุดท้ายของปีตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่เริ่มปิดทำการ
นอกจากนี้ปัจจัยที่ต้องติดตามคือตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ย.ของไทย และลุ้นครม.เคาะโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ซึ่งส่งผลดีต่อหุ้น CENTEL ,ERW รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิดในจีน
รวมถึงการทำ Window Dressing ช่วงสิ้นปี ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ย.
ดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ กำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ของจีน ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น
สำหรับธีมการลงทุนเน้น 4 ธีม นำโดย Defensive หรือหุ้นพื้นฐานแข็งแรงความเสี่ยงต่ำแนะนำ BGRIM ,BDMS,BCH และBEM หุ้นปันผลชื่นชอบ RATCH,EGCO ,AP,ORI,LH หุ้นรับดอกเบี้ยขาขึ้น BBL ,KKP หุ้น Domestic Play เช่น PLANB เป็นต้น