วันนี้"รายการคมชัดลึก เนชั่นทีวี 22" โดย "วราวิทย์ ฉิมมณี"พิธีกรรายการได้สัมภาษณ์ "นายอนุชา บูรพชัยศรี" ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือโฆษกรัฐบาล "พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร" เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และ "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
"นายอนุชา บูรพชัยศรี" โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา"นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2565 เป็นต้นมาจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย คณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบหมายให้ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมีการมอบหมายมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทน นายกรัฐมนตรีจนกระทั่งถึงการปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีในกรณีที่ รัฐมนตรีประจำสำนักยกรัฐมนตรีไม่อยู่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง
คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ส.ค. ได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี โดยให้รองนายกรัฐมนตรีพลเอกประวิตร รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่พลเอกประวิตร ไม่สามารถปฏิบัติราชการได้ ให้รองรัฐมนตรีรักษาราชการแทน โดยมีลำดับ
ประกอบด้วย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล, รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน"
เมื่อถามถึง การเปลี่บยแปลงคำสั่งและอำนาจของรักษาการนายกรัฐมนตรี "โฆษกรัฐบาล" กล่าวว่า "การรักษาราชการแทนพลเอกประวิตรมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี และมีอำนาจหน้าที่ในการเป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการหรือองค์กรใด ซึ่งในส่วนของรองนายกรัฐมนตรีท่านอื่นๆ ในการที่จะสั่งการอันใดในการบริหาร งานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรี ต้องได้รับความเห็นชอบจากพลเอกประวิตรก่อน"
รายการคมชัดลึก เนชั่นทีวีออนไลน์ ยังได้มีโอกาสสอบถาม "เสธเแมว" หรือ "พล.ท.ภราดร พัฒนาถาบุตร" ในวันที่ "พล.อ.ประวิตร" ไม่นั่งหัวโต๊ะในที่ประชุม ครม. แล้วพล.อ.ประยุทธ์ก็วิดีโอมาจากกระทรวงกลาโหม อ.วิษณุบอกว่าไม่ได้ยินเสียงพล.อ.ประยุทธ์เลย อ่านท่าทีของพี่น้อง 2 คนนี้ ในการประชุมครม.เป็นอย่างไร
"พล.ท.ภราดร" ให้ทัศนะว่า วันนี้ต้องชัดเจน พล.อ.ประวิตร ก็รู้ว่าตัวเองก็ยังไม่ได้เป็นตัวจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างมาก ก็คือรักษาราชการแทน โดยมารยาททุกคนรู้ว่าเก้าอี้ตรงนั้นเป็นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ตัวตนยังมีอยู่เพียงแต่หยุดการใช้อำนาจ ต้องให้รองนายกมารักษาราชการแทน ท่านรู้ตัวไม่ไปนั่ง ถูกต้องแล้ว
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ก็รู้อยู่แล้วการที่จะสื่อสารเข้ามาในคณะรัฐมนตรี จะสร้างบรรยากาศที่อึดอัดกัน เพราะฉะนั้นวิธีที่สมควรที่สุดคือนิ่งเงียบ แต่ถ้าเรามองในแง่นักการเมืองของประเทศที่ลักษณะประชาธิปไตยจ๋า รับรองได้ว่าแม้นั่งประชุม conference เขาก็ไม่มานั่ง เพราะถือว่ามีรัฐมนตรีช่วยกลาโหม มอบหมายกันไปได้ จะทำให้ดูบรรยากาศราบรื่นดีกว่า
วราวิทย์ - สมมติถ้ามีรัฐมนตรีบางท่านจะปรึกษาหารืออะไรแล้วพูดใส่ไมค์ ท่านนายก ใครจะหันก่อน
จริงๆแล้วถ้าสื่อสารออกไปจริงๆ คำว่า ท่านนายกฯ หมายถึงประธานในที่ประชุมที่มีอำนาจตอนนั้น
วราวิทย์ - เพราะพล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจแค่รัฐมนตรีกลาโหม
ใช่ครับ
วราวิทย์ - ในมุมองเสธ.แมว คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงทำหน้าที่รัฐมนตรีกลาโหม
เป็นธรรมชาติของคนที่ได้อำนาจมาในพื้นฐานของความไม่ชอบธรรม พอมาอยู่ในกระบวนการสุดท้ายที่มีโอกาสจะหลุดจากอำนาจ จึงเกิดความดันทุรังสูง จะหูอื้อแล้วก็ตาพร่ามัว เหมือนจะต้องรักษาอำนาจพยายามดันทุรังไป เพื่อไปถึงปลายทางคือการได้อำนาจโดยไม่สนวิธีการ อาการแบบนี้มักเกิดกับคนที่มีอำนาจในกระบวนการที่ไม่ชอบธรรม แล้วอยู่กระบวนการสุดท้ายที่จะหลุดจากอำนาจ อาการแบบนี้จะเกิดขึ้น แต่คนที่ได้อำนาจมาตามปกติที่เป็นความชอบธรรม อาการลักษณะแบบนี้จะไม่เกิดเพราะว่าเขาจะยอมรับได้ว่าเดี๋ยวไปสู้กันใหม่ในสนามหน้า
วราวิทย์ - หมายถึงว่าแม้ศาลจะยังไม่มีคำวินิจฉัย แต่ถ้าเป็นนักการเมืองที่เปรียบเทียบมาจากระบบปกติ จริงๆท่าน บอกได้ว่าท่านก็มาระบบปกติปี 62 ท่านมาจากการเลือกตั้ง
ท่านก็จะรู้จริงว่าสื่งที่มาจากระบบปกตินั้นมัน Free and Fair จริงหรือป่าว รู้อยู่แก่ใจซึ่งมันไม่ใช่
ด้าน" ส.ส.ไพบูลย์ นิติตะวัน" ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันในความรู้ความสามารถของ"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำหน้าที่รักษาการนายก ว่า "พลเอกประวิตร"มีความเหมาะสมมั่นใจว่า พล.อ.ประวิตรจะปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติเหมือนที่ผ่านมา การบริหารราชการแผ่นดิน ความมั่นคงของประเทศจะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่มีปัญหา การดำเนินการทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมาย"