ไม่บ่อยครั้งนักที่จะได้ยินเสียงของประธานป.ป.ช."พล.ต.อ. วัชรพล ประสานราชกิจ" กล่าวถึงภารกิจในความรับผิดชอบเเละล่าสุด ( 4พ.ย.2565 ) ประธาน ป.ป.ช.ตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับคดีทุจริตเงินก่อสร้างเมรุหลายวัดในจ.สมุทรปราการโดยกล่าวหานายก.อบจ.ปากน้ำ ในขณะนั้น (ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม) เเละอย่าลืมว่าไม่นานมานี้ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ (ปีกโหวตไม่ไว้วางใจรมว.มหาดไทย"พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา" มาเเล้ว
หากมองในมุมไทม์ไลน์การเมือง สันนิษฐานได้ว่า กรณีเมืองปากน้ำอาจมีการวางจังหวะไว้ก็ย่อมได้ เเต่ถอดความสิ่งที่ประธานป.ป.ช.ตอบคำถามนั้น อนุมานได้ว่าประธานป.ป.ช.ยืนยันว่า "ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง"
เเต่....คำถามอื่นๆเเบบสืบเนื่องซึ่งนักข่าวทำเนียบรัฐบาลสอบถามประธานป.ป.ช.เกี่ยวกับ"คดีเสี่ยเอ๋" เเละคดีอื่นๆนั้น พึงพินิจอีกประการก็คือ
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีคดีที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองที่จะพิจารณาอีกหรือไม่ "พล.ต.อ.วัชรพล" กล่าวว่า "มีเรื่องสำคัญที่รอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.อยู่ 3-5 เรื่อง เป็นเรื่องใหญ่ คดีสำคัญ มีไทม์ไลน์เรียบร้อยแล้ว น่าจะเข้าภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้"
เมื่อถามว่า เป็นระดับ ส.ส.หรือรัฐมนตรีใช่หรือไม่ "พล.ต.อ.วัชรพล" กล่าวว่า "เป็นระดับนักการเมืองสำคัญ เป็นคดีสำคัญ แต่ยังไม่ขอเปิดเผย "
เเละเป็นคดีของอดีตรัฐมนตรีหรือไม่ "พล.ต.อ.วัชรพล" กล่าวว่า "ส่วนใหญ่เป็นอดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญ"
เมื่อถามว่า หากเปิดคดีออกมาอีก จะถูกกล่าวหาว่ามีการเมืองเข้ามาเอี่ยวหรือไม่ "พล.ต.อ.วัชรพล" กล่าวว่า "ถูกถามเป็นของธรรมดา เราก็ตอบไป คณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นอย่างนี้ ไปซ้ายก็โดน ก็ไปขวาโดน อยู่เฉย ๆ ก็โดน เรายิ่งต้องระวังตัว และต้องทำ ต้องหนักแน่น ทุกอย่างตอบได้"
เป็นไปได้หรือไม่ว่า คดีดังการเมืองราวๆสิบปีที่ผ่านมา เเละเกี่ยวโยงกับ"บิ๊กเนม"หลายคนของบางรัฐบาล เจ้าตัวที่ถูกกล่าวหาจะต้องรู้ผลขั้นต้นเเล้วว่าตัวเองจะรอดหรือร่วง (โดยหน้าที่นั้น ปปช.ต้องสรุปสำนวนภายในสองปีหากไม่เเล้วเสร็จขยายได้หนึ่งปี หากเกินกว่านั้นต้องมีเหตุผลชี้เเจง )
เป็นไปได้ว่า สิ่งที่ "ประธานป.ป.ช."แย้มออกมานั้น อาจจะเป็น....คดีต่อเนื่องเกี่ยวกับบ่วงกรรมจำนำข้าวสมัยรัฐบาลนารีขี่ม้าขาว
เนื่องจากคดีเเรกที่เกี่ยวกับการจำนำข้าว ทุกคนทราบดีว่ามีการตัดสินไปเเล้ว โดยที่เจ้าของฉายา"นารีขี่ม้าขาว"หลบหนีไปต่างประเทศก่อนศาลตัดสินเพียงชั่วพริบตา เเละคดีต่อเนื่องคือคดีระบายข้าวจีทูจี "ภาคสอง" ที่ผ่านมาป.ป.ช.ได้ไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาลงมติอย่างหนึ่งอย่างใดเท่านั้น
โดยทราบกันผ่านสื่อหลากเเขนงมาเเล้วว่า คดีนี้มีผู้ถูกกล่าวหาระดับ "นักการเมืองดัง" เเทรกมาอีก 3 ราย ได้แก่ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี "เยาวภา วงศ์สวัสดิ์" อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และแกนนำภาคเหนือ (ต้นสังกัดทางการเมืองของ"บุญทรง เตริยาภิรมย์" อดีตรมว.พาณิชย์)
หากไล่คดีนี้เเบบคร่าวๆ พบว่า "คดีระบายข้าวจีทูจี"ในสมัยรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ " มีการดำเนินการทั้งสิ้น 10 สัญญา (โปร่งใส 2 สัญญา )ช่วงที่"นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล "เป็น รมว.พาณิชย์ ส่วนสัญญาที่เหลือ( 8 สัญญา) ถูก ป.ป.ช. ไต่สวนพบว่า "อาจมีการทุจริตเกิดขึ้น "โดยมีพฤติการณ์คือ
"....ไม่ได้นำข้าวออกไปขายให้กับรัฐวิสาหกิจจีนจริง แต่นำข้าวดังกล่าวมาเวียนเทียนขายในประเทศในราคาต่ำกว่าตลาดโดยเอกชน “บริษัทสยามอินดิก้าจำกัด” ผ่านการไฟเขียวของ “นายใหญ่” ทำให้กลไกตลาดข้าวในประเทศเสียหาย เพราะข้าวล้นโกดังเป็นผลพวงให้โครงการรับจำนำข้าวขาดทุนไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท"
มีสัญญาณจากย่านสนามบินน้ำว่า "ป.ป.ช." มีข้อมูลลับเเบบกระจ่างว่า "ชินวัตรเเฟมิลี่รุ่น1-2-3" บัญชาการกลเกมโกงทุกมิติเกี่ยวกับการจำนำข้าวไว้ครบ จึงเป็นที่มาของการชี้มูลคดีใหญ่ตามที่"ประธานปปช."ระบุล่าสุด
งานนี้กระทบชิ่งไปยัง "เเพทองธาร ชินวัตร" สมาชิกพรรคเพื่อไทยหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเเบบเต็มๆ เพราะจะต้องอธิบายความให้สังคมกันหลายข้อหากหวังให้ภาวะเพื่อไทยเเลนด์สไลด์บังเกิด
การบ้านข้อนี้นับเป็นวิบากกรรมให้ "อุ๊งอิ๊งค์" ที่นับเป็นชินวัตรเเฟมิลี่รุ่นที่สี่ บนเวทีการเมืองไทยนำธงเพื่อไทยคว้าชัยชนะ 250 ส.ส.ขึ้นไปคงจะลำบากหลายเท่า (เเม้คีย์เเมนเพื่อไทยเก็งข้อสอบข้อนี้ไว้เเล้วก็ตาม) อย่าลืมว่าการเมือง คือ เรื่องกระเเสนิยมในช่วงนั้นๆ หากมีการประโคมการทุจริตที่พาดพิง"ชินวัตรเเฟมิลี่" ขึ้นมาในช่วงนี้จนถึงโค้งสุดท้าย อาการฝ่อเเผ่วปลายกระเเสนิยมร่วงหล่น อาจเเปรคะเเนนบวกไปเป็นผลลบได้
เพราะกระเเสนิยมนั้น พบว่า เวลาเพียงไม่กี่วันก่อนหย่อนบัตรเปลี่ยนสถานการณ์ได้ เช่นทำให้เต็งหนึ่งร่วงมาเเล้วในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ( ผมเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา วาทะของชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งส.ส.2535/2 จนชนะพรรคพลังธรรมที่กระเเสดีในตอนนั้น)
หรือทำให้เต็งหนึ่งควบเข้าวินเเบบสบายๆ (ยิ่งลักษณ์กับภาพหาเสียง 49 วันจนพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งปี 2554)
หรือทำให้กระเเสกลัวบางพรรคครอบงำการเมืองหลังบ้านเมืองสงบระยะหนึ่ง( พรรคพลังประชารัฐกับเเคมเปญ"เลือกความสงบจบที่ลุงตู่"ในช่วงเจ็ดวันสุดท้ายก่อนเลือกตั้งปี2562)
ดีไม่ดี..ไพ่ตายจากป.ป.ช.งวดนี้จะเเปรโจทย์การเมืองไทยให้มีการบ้านงอกมาอีกเพียบ เเละรอดูว่าใครจะเเก้สมการข้อนี้ได้ก่อนเเละกระจ่างกว่ากัน