svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

'คนละครึ่งพลัส' เงินสะพัด 7.9 หมื่นล้าน ใช้สิทธิครบ 6.2 ล้านราย

'คนละครึ่งพลัส' ยอดใช้จ่ายทะลุ 7.9 หมื่นล้าน ใช้สิทธิครบเต็มจำนวน 6.2 ล้านราย ร้านผ่านอบรมอัพสกิล 9.7 หมื่นราย รับเงินหนุนสูงสุด 2,000 บาท ผ่านแอปถุงเงิน 25 ธ.ค.นี้

กระทรวงการคลัง เผยความคืบหน้าการใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง พลัส (โครงการฯ) โดย ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2568 เวลา 23.00 น. มีผู้ใช้จ่ายผ่านโครงการฯ ยอดใช้จ่ายรวมกว่า 79,612.4 ล้านบาท ใช้สิทธิครบเต็มจำนวน 6,250,187 ราย โดยแบ่งเป็นเงินที่ประชาชนใช้จ่ายผ่านร้านค้าทั่วไปจำนวน 39,001.4 ล้านบาท และใช้จ่ายผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) จำนวน 1,454.1 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายร้านค้าทั่วไปจำนวน 37,774 ล้านบาท และร่วมจ่ายผ่าน Food Delivery Platform จำนวน 1,382.9 ล้านบาท  สำหรับความคืบหน้าของการลงทะเบียนร้านค้าในโครงการฯ จากข้อมูลสะสม ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2568 เวลา 23.00 น.  มีร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้วจำนวน 999,337ราย 

'คนละครึ่งพลัส' เงินสะพัด 7.9 หมื่นล้าน ใช้สิทธิครบ 6.2 ล้านราย

สำหรับผลการดำเนินโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส

นายพงศ์นคร โภชากรณ์ ผู้อำนวยการกองนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน ในฐานะผู้ช่วยโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงผลการดำเนินโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส (โครงการฯ) ว่า ตลอดระยะเวลาที่เปิดให้ผู้ประกอบการร้านค้าร่วมพัฒนาทักษะ ระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน - 19 ธันวาคม 2568 มีผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมการพัฒนาทักษะสำเร็จจำนวน 98,930 ราย 
    
ทั้งนี้ จากการคัดกรองข้อมูลพบว่า มีผู้ประกอบการร้านค้าที่ผ่านหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ ซึ่งจะได้รับสิทธิเงินสนับสนุนจากรัฐ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 97,086 ราย และมีผู้ไม่ผ่านหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ เป็นจำนวน 1,844 ราย โดยมีสาเหตุที่ไม่ผ่านเกณฑ์ เช่น ไม่ใช่ร้านค้าถุงเงินในโครงการคนละครึ่ง พลัส พัฒนาทักษะสำเร็จก่อนเข้าร่วมในโครงการคนละครึ่ง พลัส เป็นร้านค้าที่ถูกระงับสิทธิในโครงการคนละครึ่งหรือคนละครึ่ง พลัส เป็นต้น โดยกระทรวงการคลังได้ทยอยประกาศผลการได้รับสิทธิเงินสนับสนุนจากรัฐในโครงการฯ ให้ผู้พัฒนาทักษะสำเร็จทราบในวันนี้ (23 ธันวาคม 2568) ผ่านข้อความสั้น (SMS) ตามหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ลงทะเบียนร้านถุงเงิน และข้อความแจ้งเตือน (Notification) ในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”

สำหรับเงินสนับสนุนในโครงการฯ ผู้ประกอบการร้านค้าจะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท ต่อ 1 หมายเลขประจำตัวประชาชนหรือหมายเลขผู้เสียภาษี โดยได้รับสิทธิเป็นเงินร้อยละ 20 ของยอดขายที่เกิดจากโครงการคนละครึ่ง พลัส เฉพาะในส่วนที่ภาครัฐร่วมจ่าย นับตั้งแต่วันที่ร้านค้าได้ดำเนินการพัฒนาทักษะสำเร็จ จนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ซึ่งจากการประมวลผลข้อมูลของผู้ประกอบการร้านค้าที่ผ่านหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ พบว่า ผู้ประกอบการร้านค้าได้รับเงินสนับสนุนเฉลี่ยรายละ 1,210 บาท มีผู้ประกอบการร้านค้าที่ได้รับเงินสนับสนุนสูงสุดตามสิทธิจำนวน 2,000 บาท เป็นจำนวนทั้งสิ้น 34,970 ราย หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 36 ของผู้ได้รับสิทธิทั้งหมด และมีผู้ประกอบการร้านค้าจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้รับเงินสนับสนุน เนื่องจากไม่มีรายการยอดขายจากโครงการคนละครึ่ง พลัส ในส่วนที่ภาครัฐร่วมจ่ายในช่วงเวลาที่กำหนด 

สำหรับการดำเนินการโอนเงินสนับสนุนดังกล่าว กระทรวงการคลังจะดำเนินการโอนเงินให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ผูกกับแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ในวันที่ 25 ธันวาคม 2568 ซึ่งผู้ประกอบการร้านค้าสามารถตรวจสอบยอดเงินรับเข้าบัญชีได้ในวันดังกล่าว และสำหรับกรณีที่กระทรวงการคลังโอนเงินให้ไม่สำเร็จ จะมีการติดตามเพื่อโอนเงิน (Retry) อีก 2 ครั้ง ในวันที่ 30 มกราคม 2569 และในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2569 โดยเมื่อพ้นกำหนดดังกล่าว จะถือว่าผู้ประกอบการร้านค้าไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ

ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินโครงการฯ ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อวางรากฐานการบริหารจัดการธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยในระยะยาว โดยมุ่งเน้นการเพิ่มพูนทักษะที่จำเป็นต่อโลกธุรกิจสมัยใหม่ ทั้งด้านการบริหารจัดการทางการเงิน (Financial Literacy) และทักษะดิจิทัล (Digital Literacy) เช่น การทำบัญชี การตลาดดิจิทัล การส่งเสริมการขาย การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เป็นต้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบกิจการต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงการคลังขอเชิญชวนว่า แม้จะสิ้นสุดโครงการฯ ลงแล้ว ผู้ประกอบการร้านค้าหรือประชาชนที่เล็งเห็นเห็นความสำคัญของการพัฒนาความรู้ทักษะด้วยตนเอง ยังสามารถเข้าร่วมอบรมออนไลน์ในหลักสูตรอื่น ๆ ผ่านช่องทางของธนาคารออมสิน (เว็บไซต์ https://oomtangplus.gsb.or.th) และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (https://dbdacademy.dbd.go.th) ตลอดจนพิจารณาขยายช่องทางการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มของตนได้ ผ่านการสมัครเข้าร่วมกับ Food Delivery Platform ได้อย่างต่อเนื่องต่อไป