
ส้มสู้ต่อ ธนาธร-ปิยบุตร ฝันไกลแต่ยังไปไม่ถึง พรรคประชาชน โดนทั้งแดงฉีก MOU น้ำเงินหัก MOA ไร้เดียงสาแต่ไม่ไร้หนทางสู้
ธนาธร ชูคำขวัญ grand compromise การประนีประนอมครั้งใหญ่ จะนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กลับกลายชนชั้นนำไม่อนุญาต
ในที่สุด “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ได้ชิงจังหวะยุบสภาฯ ตัดเกมซักฟอกของฝ่ายค้าน โดยไม่สนใจเสียงวิจารณ์น้ำเงินหัก MOA ส้ม
2-3 เดือนก่อน พรรคประชาชน เลือกทำข้อตกลง MOA หนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ ด้วยความคาดหวังจะเป็นสารตั้งต้นในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เรียกการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ว่า grand compromise-การประนีประนอมครั้งใหญ่ เพราะ “สว.สีน้ำเงิน” มีบทบาทสำคัญต่อการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
“เราเลยจำเป็นต้องเสี่ยง อยากถามว่าจริงๆ เรายังมีทางเลือกอื่นอีกหรือไม่ ที่จะไม่ใช่ความเสี่ยงครั้งนี้ เพื่อจะหยิบกุญแจดอกนี้” ธนาธรกล่าวกุญแจที่จะไขไปสู่การทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่
หลังค่ายน้ำเงินฉีก MOA และยุบสภาฯ “ใบตองแห้ง” เพื่อนมิตรของชาวส้ม โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Atukkit Sawangsuk
“..พลาดก็คือพลาด ยอมรับเถอะว่าประเมินผิด ตัดสินใจผิด แถมไม่ฟังคนทักท้วง แม้แต่ สส.ในพรรคซึ่งก็มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วย ยอมรับผิดแล้วเดินหน้าขอโอกาสประชาชนอีกครั้ง...”
ทำนองเดียวกัน “ปุ๊ ฟ้าเดียวกัน” เพื่อนรักของธนาธร แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก Thanapol Eawsakul
“บรรดาผู้ที่เห็นว่ารัฐธรรมนูญ 2560 เป็นรากฐานของปัญหา แล้วมาด่าพรรคประชาชนที่โง่เองที่ไปเชื่อพรรคภูมิใจไทยว่า จะมาช่วยกันแก้รัฐธรรมนูญได้...พรรคประชาชนอาจจะโง่ แต่ความโง่มันอยู่บนพื้นฐานของเจตจำนงทางการเมืองที่จะมาแก้ปัญหาที่เกิดจากรัฐธรรมนูญ 2560 มิใช่หรือ”
ตอนท้าย “ปุ๊ ฟ้าเดียวกัน” สรุปว่า “ผมคิดว่า ด่าพรรคประชาชนว่าโง่ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องชั่ว คิดเอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้งแน่ๆ”
เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2568 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไปร่วมเวทีเสวนา “4 เดือนนี้ ชี้ชะตาการเมืองไทย” ที่ ม.ธรรมศาสตร์ อธิบายว่า การโหวต อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ คือโอกาสครั้งเดียวในการหยิบกุญแจเพื่อร่างรัฐธรรมนูญ
20 ปีที่ผ่านมา มันเหนื่อยล้า กันทุกฝ่าย ทั้งฝั่งเสรีนิยมก้าวหน้า และฝั่งอนุรักษนิยม ธนาธรจึงเสนอ “grand compromise-การประนีประนอมครั้งใหญ่” เพื่อเป็นทางออกของประเทศ
พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ได้พยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ในสมัยรัฐบาลประยุทธ์ แต่ทำไม่สำเร็จ เพราะ สว.ของ คสช.ขวางเต็มที่
มาถึงยุค “สว.สีน้ำเงิน” ธนาธรทราบดีว่า ใครเป็นคนกดปุ่ม สว.เหล่านี้ เขาจึงคิดโมเดลหนุนอนุทิน เป็นผู้นำรัฐบาลเสียงข้างน้อย มีภารกิจแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 เพื่อเปิดประตูสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
เมื่ออยากได้ สว.สีน้ำเงิน ก็ต้องเข้าถ้ำเสือบุรีรัมย์ แกนนำระดับกรมการเมืองพรรคส้ม จึงทำในสิ่งที่เรียกว่า การประนีประนอมครั้งใหญ่
ช่วงแรกที่มาทำ MOA มีคนถามหา “ปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และอดีตเลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่ได้วางมือทางการเมืองไปแล้ว
คนวงในพรรคประชาชนได้บอกเล่า เบื้องลึก MOA ทั้งธนาธรและปิยบุตร เห็นพ้องกันต้องกันว่า หากอยากฝันถึงรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พรรคส้มจะต้องพึ่งพาพรรคน้ำเงิน
หลายคนคงจำได้ “ปิยบุตร” เป็นผู้เสนอคำว่า “ประชาธิปไตย 2 ใบอนุญาต” ใบอนุญาต ใบแรกคือ มาจากการเลือกตั้ง และใบที่ 2 มาจากชนชั้นนำ
“ใบอนุญาตจากชนชั้นนำ..เวลานี้ใบอนุญาตใบที่ 2 สำคัญกว่าใบที่ 1 ทำให้ตอนนี้เหมือนทุกคนต้องเป็นเด็กดี”
จริงๆแล้ว ดีลพรรคแดง-พรรคส้ม หลังการเลือกตั้งปี 2566 หากทำสำเร็จ น่าจะทำให้ประเทศไทยมีความหวัง และมีประชาธิปไตยเต็มใบ
“ผู้นำจิตวิญญาณ” พรรคแดงกลับเปลี่ยนใจวิ่งไปหาใบอนุญาตที่ 2 จึงมีการฉีก MOU และเกิดรัฐบาลข้ามขั้ว
การเลือกตั้งสมัยที่แล้ว พรรคก้าวไกล ได้คะแนน สส.บัญชีรายชื่อรวม 14 ล้านเสียง แต่เลือกตั้งครั้งใหม่ คงได้คะแนนเสียงไม่เท่าเดิม อันสืบเนื่องมาจากบาดแผล MOUแดง และ MOAน้ำเงิน บวกโรคไร้เดียงสาเรื้อรัง