
ปิดฉากคู่แค้น วัฒนา บ้านใหญ่ม้าทองคำปรองดองทักษิณ ผนึกเพื่อไทย ฝ่าด่านสีส้ม หวังปักธงแดงสมุทรปราการสมัยหน้า
2 ทศวรรษที่ผ่านมา วัฒนา บ้านใหญ่ไม่สยบยอมทักษิณ เลือกตั้งกี่ครั้ง อัศวเหมก็พ่ายกระแสเสื้อแดง กระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนด้วยพลังส้ม
เป็นที่แน่ชัดว่า อดีต สส.สมุทรปราการ สายตรงวัฒนา อัศวเหม บ้านใหญ่ม้าทองคำ จะมาเปิดตัวกับพรรคเพื่อไทยในวันที่ 7 พ.ย.2568
กูรูการเมืองแถวถนนวิภาดีที่ใกล้ชิดบ้านม้าทองคำ จึงสรุปทันทีว่า นี่คือ การยุติศึกไม้เบื่อไม่เมา ระหว่าง “วัฒนา อัศวเหม” กับ “ทักษิณ ชินวัตร”
2 ทศวรรษที่ผ่านมา ตระกูล “อัศวเหม” เคยปราชัยในสนามการเมืองระดับชาติ 4 สมัยรวด ช่วงกระแสทักษิณ และเสื้อแดงเฟื่องฟูในสนามเลือกตั้งสมุทรปราการ
กระทั่งการเลือกตั้ง 22 มี.ค.2562 ผู้สมัคร สส.กลุ่มบ้านใหญ่ปากน้ำ สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ได้รับเลือกเป็น สส.สมุทรปราการ 5 คน และ สส.บัญชีรายชื่อ 1 คน
สาเหตุที่ตระกูลอัศวเหมกลับสู่สภาฯอีกหน เพราะการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ที่มาตัดแต้มพรรคเพื่อไทย ส่งผลให้บ้านใหญ่คืนชีพ
การเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 บ้านใหญ่ม้าทองคำเดิน 2 ขา สร้างความสับสนให้คนปากน้ำพอควร
เมื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดตัว เพลง-ชนม์ทิดา อัศวเหม ลูกสาว ชนม์สวัสดิ์ และนันทิดา อยู่ในผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 5
ขณะที่อดีต สส.สมุทรปราการ ซุ้มบ้านใหญ่ลงสมัคร สส.เขต และ พิม อัศวเหม ลูกสาวประภาพร อัศวเหม(สะใภ้ใหญ่) ลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 8 พรรคพลังประชารัฐ
หัวคะแนนบ้านใหญ่จึงหาเสียงด้วยการบอกชาวบ้านว่า สส.บัญชีรายชื่อ เลือกพรรคภูมิใจไทย ส่วน สส.เขต ให้เลือกผู้สมัคร สส.พรรคพลังประชารัฐ
สุดท้าย อดีต สส.ซุ้มบ้านใหญ่สอบตกหมด รวมถึงหลานชายวัฒนาคือ อัครวัฒน์ อัศวเหม ,ต่อศักดิ์ อัศวเหม และวรพร อัศวเหม ส่วนคะแนนบัญชีรายชื่อของภูมิใจไทย ก็ได้แค่ 1.3 หมื่นคะแนน
สำหรับพรรคก้าวไกลชนะยกจังหวัด กวาด สส.เขต 8 ที่นั่ง และอันดับ 1 คะแนน สส.บัญชีรายชื่อ ได้ 447,751 คะแนน
จากปี 2518 ที่ได้เป็นผู้แทนฯสมุทรปราการ จนถึงการเลือกตั้ง สส.ปี 2529 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ วัฒนา อัศวเหม ได้เป็น สส. ก่อนจะเผชิญวิบากกรรมต้องไปลี้ภัยในต่างแดน
ช่วงก่อนปี 2544 วัฒนา สถาปนา “กลุ่มปากน้ำ” เป็นกองกำลังนักเลือกตั้ง ที่พร้อมจะสวมเสื้อพรรคไหนก็ได้ ตามสถานการณ์การเมือง ซึ่งกลุ่มปากน้ำประกอบด้วย วัฒนา อัศวเหม ,สมพร อัศวเหม, มั่น พัธโนทัย และสมชาย สาดิษฐ์
วัฒนาจึงย้ายไปย้ายมาหลายพรรค ทั้งพรรคสังคมชาตินิยม, พรรคชาติประชาชน, พรรคราษฎร, พรรคชาติไทย และพรรคประชากรไทย
ปี 2540 พล.อ.ชวลิต ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เลขาธิการพรรค ปชป.สมัยนั้น เปิดการเจรจากับวัฒนา ดึง 14 เสียงของพรรคประชากรไทย เข้าร่วมรัฐบาลชวน จึงเป็นที่มาของวลี “งูเห่าเพื่อชาติ” สะท้านแผ่นดิน
ผลจากการเป็นงูเห่า ทำให้ วัฒนา ต้องฟื้นพรรคราษฎร โดย พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์ เป็นหัวหน้าพรรคราษฎร จัดทีมสู้ศึกเลือกตั้งปี 2544
เฉพาะการเลือกตั้ง สส.สมุทรปราการ ปี 2544 กลุ่มวัฒนาในสีเสื้อพรรคราษฎรพ่ายแพ้แก่ผู้สมัคร สส.หน้าใหม่จากพรรคไทยรักไทย
ก่อนการเลือกตั้งปี 2548 ทักษิณ ส่ง ภูมิธรรม เวชยชัย มาเจรจากับวัฒนาให้พา “กลุ่มปากน้ำ” เข้าร่วมกับพรรคไทยรักไทย
วัฒนาปฏิเสธ พร้อมกับพาลูกน้องย้ายไปสังกัดพรรคมหาชน ซึ่งลูกทีมของวัฒนาก็สอบตกยกจังหวัดสมุทรปราการอีกครั้ง
ภารกิจทางการเมืองครั้งสุดท้าย ก่อนตัดสินใจหนีคุกของวัฒนา คือการนำบ้านใหญ่ปากน้ำเข้าร่วมก่อตั้งพรรคเพื่อแผ่นดิน โดย "ชนม์สวัสดิ์" ได้เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน
การเลือกตั้งสมัยหน้า บ้านใหญ่อัศวเหม และพรรคของทักษิณ ตกเป็นรองพรรคประชาชนหรือพรรคส้ม จึงต้องหันมาจูบปากกันครั้งเพื่อความอยู่รอด