svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

“แพทองธาร” ห้ามเลือด “สุริยะ” ตั้งเป้า 200 ส่องสนามจริง เหนือ-อีสานลดฮวบ

อีเวนต์ห้ามเลือด “แพทองธาร” พึ่งยันต์กันผีดูด “สุริยะ” ตั้งเป้า200 ส่องสนามจริงสมัยหน้า เหนือ-อีสานร่วงเพียบ

7 ตุลาคม 2568 กลับมาได้แน่ แพทองธาร ล้างภาพพรรคตระกูลชินวัตร สุริยะ มั่นใจได้ 200 ที่นั่ง บวกลบ 10% สส.กว่าร้อยละ 90 ยังภักดีเพื่อไทย

 

ค่ายสีแดงมีจุดแข็งคือ เหนือตอนบน อีสานเหนือและอีสานกลาง จุดอ่อนยังอยู่ที่เหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก 

 

ผ่านไปแล้ว อีเวนต์ยกเครื่องเพื่อไทย แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค ประกาศ “พร้อมสู้” โดยจะทุ่มเทแรงกายแรงใจ เพื่อให้พรรคกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

 

ไฮไลต์อีเวนต์นี้ น่าจะอยู่ที่คำพูดของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผอ.เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ได้พูดคำโตๆ ว่า
 

เพื่อไทยจะได้ สส. ไม่น้อยกว่า 200 ที่นั่ง บวกลบ 10%
 

นัยว่า การแต่งตั้ง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นแม่ทัพเลือกตั้ง ไม่ต่างจากการห้ามเลือด ไม่ให้ สส.ไหลออกตามที่มีกูรูการเมืองคาดการณ์ว่า จะหายไป 40%

 

จากการขานชื่อ สส.รายจังหวัดในอีเวนต์ยกเครื่องเพื่อไทย ก็พบว่า ยังมี สส.เหลืออยู่เกินกว่า 90% แต่ในอนาคตอาจแปรเปลี่ยนได้

 

ย้อนไปดูผลการเลือกตั้ง สส. วันที่ 14 พ.ค.2566 เพื่อไทย ได้ สส.บัญชีรายชื่อ 29 คน และ สส.เขต 112 คน รวม 141 คน

 

แยกเป็น สส.ภาคอีสาน  74 คน ภาคเหนือ  23 คน ภาคกลาง  6 คนภาคตะวันตก  4 คน ภาคตะวันออก 4 คน และกรุงเทพฯ  1 คน

 

ปัจจุบัน สส.เขต 10 คน ได้เตรียมย้ายไปพรรคภูมิใจไทย ทำให้ค่ายสีแดงเหลือ สส. 132 คน

 

จุดอ่อนที่สำคัญและมีแนวโน้มที่แก้ไขยากคือ คะแนนนิยมของเพื่อไทย ในสนามกรุงเทพฯ และจังหวัดในปริมณฑล เนื่องจากแบรนด์สีส้มยังแข็งแรงกว่าแบรนด์สีแดง

 

เช่นเดียวกับภาคตะวันออก แบรนด์สีส้มได้เข้าไปแทนที่แบรนด์สีฟ้า(ปชป.) และแบรนด์สีแดง ตั้งแต่ปี 2562 และในอนาคตก็ยังจะเป็นสีส้ม
 

ที่สำคัญ เพื่อไทยสูญเสียซุ้มบ้านใหญ่หลายสิบจังหวัดในภาคกลางและภาคตะวันตก ให้กับภูมิใจไทย และเมื่อซุ้มบ้านใหญ่จากรวมไทยสร้างชาติ เข้ามาเสริมทัพก็ทำให้ค่ายสีน้ำเงินแกร่งขึ้น 

เพื่อไทยมั่นใจ กลับมาได้สมัยหน้า

สายเหนือไม่เหมือนเดิม
 

จุดแข็งที่ไว้ใจได้ของเพื่อไทยคือ ภาคเหนือ และภาคอีสาน แต่การเลือกตั้งหนที่แล้ว เหมือนส่งสัญญาณเตือน “นายใหญ่” เมื่อค่ายส้มเจาะภาคเหนือตอนบน และน้ำเงินรุกชิงอีสานได้ สส.เป็นกอบเป็นกำ

 

ปี 2566 เพื่อไทยภาคเหนือตอนบน พ่ายกระแสสีส้ม โดยมีจังหวัดที่น่าเป็นห่วงมีอยู่ 4 จังหวัดคือ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และลำปาง ซึ่งเปรียบเสมือนไข่แดงของตระกูลชินวัตร

 

แม้น่าน และแพร่ เพื่อไทยยังชนะยกจังหวัด แต่สมัยหน้ากล้าธรรม เตรียมเจาะ 2 จังหวัดนี้แล้ว

 

เหนือตอนล่าง นำโดย สมศักดิ์ เทพสุทิน ครองแชมป์สุโขทัยและอุตรดิตถ์ แถมสมัยหน้า ได้ 2 สส.กำแพงเพชร สังกัด วราเทพ รัตนากร มาเสริมทัพ 

แพทองธาร ร้องขอ สส.อย่าทิ้งกันไปในยามนี้

อีสานต่ำกว่า 50 ที่นั่ง
 

สมรภูมิอีสานปี 2566 เปลี่ยนไปเยอะ เพื่อไทยได้ สส.อีสาน 73 ที่นั่ง จากทั้งหมด 133 ที่นั่ง โดยภูมิใจไทย กวาดมาได้ 35 ที่นั่ง

 

ก้าวไกล(ประชาชน) 7 ที่นั่ง กล้าธรรม 5 ที่นั่ง ไทยสร้างไทย 5 ที่นั่ง พลังประชารัฐ 3 ที่นั่ง พรรคไทรวมพลัง 2 ที่นั่ง พรรคชาติไทยพัฒนา 1 ที่นั่ง และพรรคประชาธิปัตย์ 1 ที่นั่ง

 

เหตุกระแสชาตินิยมยังมาแรง จึงประเมินว่า ค่ายสีแดงอาจจะได้ สส.ต่ำกว่า 50 คน ในการเลือกตั้งสมัยหน้า

 

นับเป็นครั้งแรกที่ค่ายสีแดง ถูก 8 พรรคการเมืองคู่แข่งแย่งชิงเก้าอี้ สส.ได้เป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างอีสานเหนือ อุดรธานี เมืองหลวงคนเสื้อแดง พรรค พท.ถูกเจาะไป 3 เขต 

 

อีสานกลาง ขอนแก่น มหาสารคาม และร้อยเอ็ด ไม่ต่างจากอีสานเหนือ ถูกเจาะไปจังหวัดละ 2-3 เขต

 

อีสานใต้ สนามอุบลฯ มี สส. 11 ที่นั่ง พท.คว้ามาได้ 4 ที่นั่ง ต่างสมัยที่แล้ว พรรค พท.กวาดมาได้ 7 ที่นั่ง เช่นเดียวกับสุรินทร์ ที่ พท.กวาดเกือบหมดจังหวัด แต่หนที่แล้วได้ สส.มาแค่ 3 คน

 

โชคดีที่สนามนครราชสีมา เพื่อไทยกวาดได้ 12 ที่นั่งจากทั้งหมด 16 ที่นั่ง ซึ่งต้องยกให้เป็นผลงานค่ายแป้งมัน 

 

วันนี้ ลูกหลาน กำนันป้อ วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล มายืนปรากฏตัวในอีเวนต์ยกเครื่องเพื่อไทย แต่วันข้างหน้า ก็ไม่การันตีว่า พลังแป้งมันยังจะอยู่กับเพื่อไทย

 

เช่นเดียวกับ สส.อีกจำนวนหนึ่งในภาคอีสาน ที่กำลังตัดสินใจว่า จะย้ายไปสังกัดค่ายกล้าธรรม หรือค่ายสีน้ำเงิน