svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

ส้มตกผลึก “ธนาธร” เลือกประชาธิปไตย 2 ใบอนุญาต “เนวิน” ลุ้นบรรหารโมเดล

ส้มเลือกประชาธิปไตย 2 ใบอนุญาต “ธนาธร” ตกผลึก “เนวิน” หวังปัดฝุ่นบรรหารโมเดล “ทักษิณ” ผจญวิบากกรรมไม่รู้จบ

เกมคนหลังม่าน ธนาธร ตกผลึกรัฐพันลึก เนวิน หวังปัดฝุ่นบรรหารโมเดลล้างภาพยี้ ทักษิณ ผจญวิบากกรรมไม่รู้จบ

ส้มรู้ว่าเสี่ยงสุดๆ จำต้องเล่นเกมดีลรัฐพันลึก ปั้นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หวังน้ำเงินเป็นสะพานเชื่อมขอใบอนุญาตที่ 2

คนเจนอัลฟ่ารู้สึกมึนงงกับ “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ในอ้อมกอดพรรคสีส้ม แต่คนรุ่นเบบี้บูมเมอร์คงตกผลึกเรื่อง “ประชาธิปไตย 2 ใบอนุญาต”

วันที่ 3 ก.ย.2568 คงต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกวาระ เมื่อพรรคประชาชน มีมติสนับสนุน อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยเดินเกมยุบสภา  


ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ แถลงโหวตเลือกอนุทิน เป็นนายกฯ
 

จะว่าไปแล้ว เกมชิงตั้งรัฐบาลใหม่ หลัง แพทองธาร ชินวัตร ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญที่สุดคือ คนหลังม่านทั้ง 3 พรรค

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้นำจิตวิญญาณพรรคสีส้ม ย่อมมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว ตั้งแต่วันที่ได้พูดคุยนอกรอบกับ ทักษิณ ชินวัตร

เข้าใจว่า ธนาธรและคนรุ่นก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ น่าจะสุกงอมกับคำว่า “สังคมพันลึก” (Deep Society) และ “รัฐพันลึก” (Deep State) จึงหนุนอนุทินนั่งนายกฯ แลกแก้ไขรัฐธรรมนูญและหวังใบอนุญาตที่ 2

เนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย การยอมรับเงื่อนไขแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคสีส้ม คงหวังที่จะเห็น “บรรหารโมเดล” เกิดขึ้นอีกครั้ง

การเลือกตั้งปี 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ให้คำมั่นว่า จะปฏิรูปการเมืองด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2534 มาตรา 211 เพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

หลังเป็นรัฐบาลแล้ว อดีตนายกฯ บรรหาร ก็ทำตามคำมั่นสัญญาจัดตั้ง ส.ส.ร.เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ซึ่งผู้คนจึงชื่นชมอดีตนายกฯ บรรหาร ในฐานะผู้ทำคลอด รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

ส่วน ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่ของพรรคสีแดง เหมือนคนมีกรรม ยังมีวิบากไล่ล่าไม่รู้จบ และพ่ายเกมนิติสงครามมาตลอด 20 กว่าปีนี้ 

อนุทิน-เนวิน ในจุดเปลี่ยนของขั้วสีน้ำเงิน
 

ประชาธิปไตย 2 ใบอนุญาต
 

มีข้อสังเกตว่า อดีตผู้ก่อการตั้งพรรคอนาคตใหม่ 2 คนคือ พรรณิการ์ วานิช และ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล มีจุดยืนและท่าทีที่จะให้พรรคสีส้มเลือกหนุนพรรคสีน้ำเงินมากกว่าพรรคสีแดง

ทั้งคู่ค่อนข้างเจ็บปวดกับการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย ที่สลัดทิ้งพรรคก้าวไกลไปจับมือกับ “พรรคลุง” และมาถึงวันนี้ พวกเขาตกผลึกเรื่อง “ประชาธิปไตย 2 ใบอนุญาต”

คำว่า “ประชาธิปไตย 2 ใบอนุญาต” เป็นแนวคิดที่ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า นำเสนอไว้ โดยใบอนุญาตใบแรกมาจากประชาชนผ่านการเลือกตั้ง

ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้เป็นรัฐบาล เพราะไม่ได้ “ใบอนุญาตใบที่ 2” จากชนชั้นนำ

6 ปีผ่านไป หลังการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ได้ทำให้การเมืองไทยเข้าสู่สถานการณ์ “การเมืองสามก๊ก” คือ แดง ส้ม และน้ำเงิน เมื่อขั้วแดงพ่ายศึกนิติสงคราม ขั้วสีส้มก็เล่นเกมดีลรัฐพันลึก เพื่อหวังได้ใบอนุญาตที่ 2 โดยมีขั้วสีน้ำเงินเป็นสะพานเชื่อม
 

ดังที่รู้กัน เบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะขั้วที่สามคือ “ประชาธิปไตยสีน้ำเงิน” ถือตั๋ว VVIP มีศักยภาพที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้โดยรวดเร็วตามที่ขั้วสีส้มต้องการ

 

“แซ่จึง” ต่างอุดมการณ์
 

ช่วงที่พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย เล่นเกมชิงขอเสียงจากพรรคประชาชน มีกูรูการเมืองบางคนวิเคราะห์ว่า พรรคส้มจะเลือกพรรคสีแดง เพราะมี “คนแซ่จึง” เป็นตัวเชื่อม

จริงๆ แล้ว สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีความแตกต่างกัน ทั้งจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมือง

สุริยะ น้องชาย พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ เข้าสู่วงการเมืองในตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรี (สมศักดิ์ เทพสุทิน) ปี 2536 และนั่งเก้าอี้ รมช.อุตสาหกรรม รัฐบาลชวน ปี 2541 ในโควตาพรรคกิจสังคม

“อาเจ็กสุริยะ” ของ ธนาธร เริ่มมีบทบาทโดดเด่นสมัยรัฐบาลไทยรักไทย ช่วงปี 2544-2549 ได้เป็นเลขาธิการพรรค และรัฐมนตรีคมนาคม

ปี 2545 ธนาธรได้พบกับทักษิณเป็นครั้งแรก เมื่อสุริยะพานายกฯ สมัยนั้น มาเยี่ยมบิดา (พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ) ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง
 

“..ปกติผมกับคุณอาไม่ค่อยเจอกัน จะเจอกันตามงานครอบครัว งานเช็งเม้ง ไหว้อากง เจอกันทีไรก็ทะเลาะกันทุกที” ธนาธรให้สัมภาษณ์สื่อไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน
 

มาถึงวันนี้ ผู้คนคงได้ประจักษ์แล้ว ความเป็น “แซ่จึง” ในทางการเมืองนั้น ต่างจุดยืน ต่างอุดมการณ์ ยากที่จะคุยกันได้