svasdssvasds
เนชั่นทีวี

lifestyle1

กลัวผีดีกว่ากลัวจน เมื่อคนยอมซื้อและอาศัยในบ้านผีสิง

บ้านผีสิง หรือสถานที่ชวนสยองขวัญคงไม่ใช่สถานที่แรกๆ ที่เราเรียกว่า 'บ้าน' ในฐานะที่อยู่อาศัย แต่ในปัจจุบันพื้นที่ที่ถูกทิ้งร้างเหล่านี้อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนเป็น

คุณจะยินดีอยู่ในบ้านที่มีประวัติ มีเสียงร่ำลือว่ามีผีหรือปรากฏการณ์แปลกๆ ไหม?

คำถามข้างต้นไม่ได้เป็นคำถามจากเกมโชว์หรือการทดสอบความกล้า แต่เป็นคำถามว่าด้วยการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ถามกันจริงๆ นึกภาพคุณกำลังเลือกซื้อบ้านในช่วงเวลาที่บ้านมีราคาพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ในจำนวนบ้านที่ไปดูๆ มา กลับมีบ้านที่ผู้ขายเปิดเผยว่ามีอดีตบางอย่าง มีเรื่องราวลี้ลับ แต่ทว่าบ้านเหล่านั้นมีคุณสมบัติที่ดีในแทบทุกด้าน ราคาดี เสียอย่างเดียวมีผี มีโกสต์อยู่ร่วมกับเราด้วย

กลัวผีดีกว่ากลัวจน เมื่อคนยอมซื้อและอาศัยในบ้านผีสิง

ประเด็นเรื่องบ้านผีสิง—พื้นที่หลอกหลอน—ในแง่นี้จึงเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ซ้อนทับของเมือง แน่นอนว่าพื้นที่เมืองเต็มไปด้วยความทรงจำและเรื่องราวของตัวเอง หลายครั้งที่บ้านผีสิง อาคารหรือพื้นที่หลอกหลอน รกร้าง หรือที่เฮี้ยนๆ เป็นผลพวงของโศกนาฏกรรมที่พอถึงจุดหนึ่ง เรื่องราวเหล่านั้นจบลงไปแล้ว คงเหลือพื้นที่กายภาพ พื้นที่ที่ควรจะเป็นที่ของคนเป็น เป็นที่ที่เราควรได้ใช้ประโยชน์ได้ ใช้อยู่อาศัยได้

ในช่วงเวลาที่ทั่วโลกประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย และลึกๆ ในใจก็ใครๆ อยากมีบ้าน ในพื้นที่อสังหาริมทรัพย์เองก็มีการสำรวจตั้งคำถามและพบคำตอบว่า ผู้คนเช่นชาวอเมริกันยินดีที่จะอยู่ในบ้านที่มีผีสิง ถ้าบ้านเหล่านั้นทำให้พวกเขามีรายจ่ายที่ถูกลง คือกลัวจนมากกว่ากลัวผี โจทย์ตรงนี้คล้ายกับข้อคิดเห็นที่ว่า ในบางเงื่อนไข เช่นในเวลาที่เราขัดสนมากๆ การเลือกไปอยู่ที่พักอาศัยที่น่ากลัวและมีราคาถูกลงเป็นทางเลือกในการรอดชีวิตอย่างหนึ่ง ในทำนองเดียวกัน ผลสำรวจจากเมืองที่อสังหาริมทรัพย์แพงและเต็มไปด้วยเรื่องราวบ้านผีสิงก็พบว่า ราคาบ้านที่มีประวัติถูกลงกว่าบ้านทั่วไป
กลัวผีดีกว่ากลัวจน เมื่อคนยอมซื้อและอาศัยในบ้านผีสิง

ผีไม่กลัว กลัวแพง: เรื่องผีๆ กับมิติอสังหาริมทรัพย์

ประเด็นเรื่องผีกับที่อยู่อาศัยอาจฟังดูเป็นเรื่องที่เราคุยกันโดยนัยหรือเป็นเรื่องที่เราเจอในหนัง แต่ในหลายประเทศที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์และประเด็นที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องใหญ่ บ้านที่มีเรื่องลี้ลับเองก็นับเป็นส่วนหนึ่งของตลาดบ้าน และเป็นทางเลือกสำคัญของผู้คน ผลกระทบเรื่องบ้านผีสิงกับการเลือกซื้อบ้านเลยเป็นประเด็นศึกษา กระทั่งเป็นข้อเสนอทางธุรกิจหนึ่ง

อย่างแรกเลยคือภาพที่เราเคยเห็นในหนังผี เช่นว่าการซื้อบ้านที่น่ากลัวหน่อย หรือการเจอบ้านที่มีปรากฏการณ์ประหลาด ความน่ากลัวเหนือธรรมชาติสุดท้ายพ่ายแพ้ความต้องการพื้นฐานของเรา งานสำรวจจาก Real Estate Witch เมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา (2023) ร่วมกับสื่อด้านอสังหาริมทรัพย์มีงานสำรวจและจัดทำรายงานเรื่องบ้านผีสิงกับการซื้อบ้านออกมาใหม่ ซึ่งเป็นงานสำรวจที่ทำเป็นประจำทุกปี งานสำรวจพูดถึงหลายแง่มุมเช่นเรื่องความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ มุมมองของผู้คนต่อบ้านผีสิง หรือผลสำรวจผู้ที่กระทั่งเคยอยู่ในบ้านผีสิงมาก่อน

ผลคือ ชาวอเมริกันที่อยู่ท่ามกลางปัญหาเรื่องราคาที่พักอาศัยและดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นมองว่าจะซื้อบ้านผีสิงก็ได้ถ้าราคาดี ชาวอเมริกัน 52% ระบุว่ายินดีเสี่ยงซื้อบ้านผีสิงถ้าบ้านผีสิงนั้นมาพร้อมข้อเสนอดีๆ โดยเฉพาะราคาที่ต่ำกว่าบ้านทั่วไป ในมุมมองชาวอเมริกันโดยทั่วไป บ้านผีก็ยังน่ากลัวสำหรับคนทั่วไป แต่ในกลุ่มตัวอย่างมีถึง 71% ที่ระบุว่า ‘ถ้าช่วยให้ประหยัดเงินได้’ 
กลัวผีดีกว่ากลัวจน เมื่อคนยอมซื้อและอาศัยในบ้านผีสิง

ประเด็นเรื่องจะซื้อบ้านที่มีผีไหมสัมพันธ์กับมิติและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจด้วย เช่นปีที่แล้วคนยินดีที่จะซื้อบ้านที่อาจมีผีสูงกว่าในปีนี้ 10% ด้านหนึ่งคือตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ของอเมริกาชะลอตัวลง ทำให้ผู้ซื้อมีตัวเลือกมากขึ้น ในรายละเอียดการตัดสินใจซื้อก็มีรายละเอียดน่าสนใจเช่น เกือบครึ่งหนึ่ง (48%) บอกว่าจะซื้อถ้าบ้านผีสิงนั้นอยู่ในย่านที่ต้องการ และ 50% บอกว่าจะซื้อถ้าอยู่ในงบ

ทีนี้ ก็มีคำถามว่าแล้วคนจะซื้อบ้านกลัวจากอะไรมากที่สุด สรุปคือสิ่งที่กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดกลัวไม่ใช่เรื่องผี แต่เป็นเรื่องทางการเงินล้วนๆ คือ 50% กลัวเรื่องค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ 46% กลัวเรื่องดอกเบี้ย และ 42% กลัวเรื่องการจ่ายค่าผ่อนบ้านไม่ไหว

ตัวงานสำรวจช่างถามมาก ในมุมของคนซื้อบ้าน ความกังวลส่วนใหญ่เป็นเรื่องของภาระ หมายถึงผีก็กลัวแหละ แต่พอคิดกันจริงๆ จะไปกลัวเรื่องอื่นๆ ที่เป็นเรื่องกายภาพมากกว่า มีแค่ 7% ที่บอกว่ากลัวจะเจอผี แต่คนส่วนใหญ่จะไปกลัวเรื่องเชื้อรา(60%) ปลวก (57%) หลังคารั่ว (54%) น้ำรั่ว(54%) ปัญหาโครงสร้าง (53%)

นอกจากนี้คำถามน่าสนใจ เช่น ถ้าเจอบ้านมีผีแล้วอะไรจะเป็นปัจจัยให้ย้ายออกทันที คำตอบส่วนใหญ่ไปที่เรื่องถ้าพบว่าเคยเกิดอาชญกรรมที่รุนแรง การรู้สึกว่าถูกสัมผัสหรือจ้องมอง ข้าวของลอยได้ โพลยังถามเรื่องว่าถ้าเจอบ้านที่มีผีจะทำยังไง ซึ่งก็น่าคิดว่า ถ้าบังเอิญบ้านใหม่เรามีผีจะหนีหรือสู้ 39% บอกว่าทำความสะอาดดูก่อน 31% บอกว่าไปดีกว่า 18% บอกว่าต้องทำพิธีไล่ กับเท่ากันคือ 18% บอกลองสื่อสารดู เน้นพูดคุยสนทนา

นอกจากงานสำรวจจากอเมริกาแล้ว ข้อมูลสถิติในทำนองเดียวกันแต่มาจากฝ่ายราคาสินทรัพย์ ที่อังกฤษเองก็มีตัวเลขว่าในบรรดาบ้านหรือที่อยู่อาศัยในตลาด ข้อมูลจากปีที่แล้วระบุว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์อังกฤษ ผู้ขายจะลดราคาลงประมาณ 17% บ้านที่มีผีสิงอาจมีราคาถูงลงกว่าบ้านในลักษณะเดียวกันได้ราว 50,000 ปอนด์ หรือถ้าเป็นบ้านในลอนดอนก็อาจถูกลงได้ถึง 94,000 ปอนด์ ยิ่งถ้าเป็นใจกลางเมืองอาจทำให้ผู้ซื้อได้บ้านที่ถูกกว่าโดยทั่วไปได้หลักสองแสนปอนด์

กลัวผีดีกว่ากลัวจน เมื่อคนยอมซื้อและอาศัยในบ้านผีสิง


ต้นทุนของเราไม่เท่ากัน: บ้านผีสิงกับมรดกคนเจนวาย

ความน่าสนใจในประเด็นบ้านผีกับการซื้อบ้านสัมพันธ์กับเงื่อนไขในชีวิตจริงที่ไปตัดเข้ากับมิติทางความเชื่อ สำหรับในหลายมุมมองเช่นที่ชาวอเมริกันเองก็บอกว่าผู้ขายควรจะต้องเปิดเผยว่าบ้านนั้นมีประวัติหรือมีเพื่อนร่วมบ้านที่มองไม่เห็นด้วยหรือไม่

บ้านหรือที่พักอาศัยนับเป็นปัจจัยสำคัญ ผู้คนเองต้องการที่จะมีบ้านมากกว่าความกลัว ความกังวลต่างๆ เป็นเรื่องที่ตาเห็นและเป็นปัญหาทางกายภาพ เรื่องเงินๆ ทองๆ หรือความปลอดภัยเป็นสำคัญ สำหรับประเทศไทยเอง พื้นที่ที่เก่าแก่ รกร้าง และอาจมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องเหนือธรรมชาติเช่นพื้นที่ในครอบครองของกรมธนารักษ์ ทางกรมก็เปิดเผยตัวเลขว่า กรมธนารักษ์มีอสังหาที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่หรือมีเรื่องเร้นลับจำนวนกว่า 200 แห่ง ซึ่งจะเปิดให้เช่าทำประโยชน์ต่อ ในความลี้ลับและการทำประโยชน์ต่อทางกรมก็ระบุถึงมิติการอนุรักษ์ คืออาคารเก่าแก่มักมากับสถาปัตยกรรมที่ผู้เช่าจะต้องดูแลรักษาด้วย

ประเด็นเรื่องการรับพื้นที่เช่นบ้านผีสิงต่างๆ เพื่อรีโนเวตและใช้ประโยชน์ต่อไป ในมุมมองของสถาปนิก เช่น ‘ศิริวัฒน์ มังคลรังษี’ สถาปนิกผู้ได้ฉายานักล่าบ้านร้าง สถาปนิกหนุ่มผู้มีผลงานสำคัญเป็นการรีโนเวตบ้านขุนนางเก่า และเป็นผู้ที่จับอาคารเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยเรื่องน่าสะพรึงมาชุบชีวิตให้กลายเป็นบ้าน โรงแรม คาเฟ่และอื่นๆ ในมุมทางสถาปัตยกรรม อาคารเหล่านี้เองก็ส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์

โดยนอกจากการอนุรักษ์แล้ว ในบทสัมภาษณ์ของศิริวัฒน์ได้พูดถึงมุมมองในฐานะคน Gen Y ต่อการรับช่วงต่อ หรือการทำงานกับบ้านผีสิงในฐานะสินทรัพย์ไว้อย่างน่าสนใจว่า คน Gen Y แตกต่างจากคนในยุคบูมเมอร์ เราไม่มีทรัพยากรที่มากมายเหมือนคนในยุคก่อน ไม่ได้มีที่ดินมาก คน Gen Y เป็นผลผลิตจากยุคเศรษฐกิจตกต่ำปี 40 เช่นเดียวกันกับอสังหาริมทรัพย์ร้าง ดังนั้น ตัวอาคาร ที่ดิน ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจล้วนยังมีมูลค่า สินทรัพย์จากยุคนั้นจึงเป็นสินทรัพย์ที่ดีมากทั้งทำเล วัสดุ และการปลูกสร้างต่างๆ ความไม่กลัวและเข้าไปจับช่องว่างตรงนี้ทำให้คน Gen Y สามารถเติบโตขึ้นในวงการอสังหาริมทรัพย์ได้

กลัวผีดีกว่ากลัวจน เมื่อคนยอมซื้อและอาศัยในบ้านผีสิง

จากประเด็นเรื่องบ้านผีสิงในภาพรวม ไปจนถึงประเด็นเรื่องบ้านที่เกี่ยวข้องกับภาระและความต้องการอื่นๆ เป็นเงื่อนไขที่จริงๆ แล้ว เราเองอาจจะกังวลเรื่องที่อยู่อาศัยและการจ่ายให้กับที่อยู่อาศัยนั้นในมิติที่มองเห็น—เป็นรูปธรรม—มากกว่าสิ่งที่เรามองไม่เห็น ประเด็นเรื่องกลัวหรือไม่ ซื้อหรือไม่ซื้อจึงสัมพันธ์ไปสู่ประเด็นทางเศรษฐกิจ

และถ้าขยับเข้ามาในบริบทไทย การพัฒนาอสังหาและผลกระทบจากเศรษฐกิจปี 2540 ไปจนถึงความเปลี่ยนแปลงทางสังคมทำให้พื้นที่เมืองและพื้นที่อื่นๆ มีมรดกจากอดีตเป็นบ้าน ตึกสูง อาคารร้าง โรงหนัง ห้างและอื่นๆ เป็นพื้นที่ที่แม้จะเจือด้วยเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่พื้นที่เหล่านั้นก็อาจเป็นพื้นที่ที่ทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรม หรืออาจเป็นโอกาสในการลงทุนพัฒนา เป็นมรดกที่ก้าวผ่านวิกฤติมาจนถึงคนรุ่นปัจจุบัน

 

 

ข้อมูลอ้างอิง

 

 

ภาพประกอบโดย Pathita Wasana