“เศรษฐา” อุบ “ปรับครม.” เล็กหรือใหญ่ บอกพรรคร่วม จะเอาอะไรพูดตรงๆ ดีกว่า

8 เมษายน 2567 ที่จ.นครศรีธรรมราช นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เมื่อสักครู่กับอยู่เป็นการส่วนตัวกับน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ก็ไม่มีการพูดจาอะไรเรื่องนี้ ไม่ต้องเงี่ยหูฟัง ถามตนโดยตรงได้เลย 

ส่วนของพรรคเพื่อไทย จะมีการเพิ่มเติมเข้ามา นายกฯ กล่าวว่า ก็มีอีกตำแหน่ง ตรงนั้นก็เดี๋ยวไปว่ากันเมื่อถึงเวลา 

พลังประชารัฐ ยังไม่ชงชื่อคนที่เหมาะสม

ส่วนโควตาของพรรคพลังประชารัฐ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้ส่งรายชื่อมา ยังไม่เจอยังไม่ได้พูดคุย แต่พรุ่งนี้ (9 เม.ย.)ก็มีการประชุมครม.ตามปกติ ถ้าเกิดเจอ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ตนก็จะไม่ถาม แต่ถ้าท่าบอกมาตนก็รับทราบ อย่างที่ตนบอกเป็นโควตาของท่าน ท่านจะเสนอใคร ก็เสนอเข้ามาแล้วผ่านไปที่คณะกรรมการตรวจสอบ 

อุบตอบปรับครม. เล็กหรือใหญ่

ส่วนหากมีการปรับครม.จริง จะเป็นการปรับเล็กหรือปรับใหญ่ เนื่องจากจะมีแรงกระเพื่อม นายกฯ กล่าวว่า ปรับเล็กเล็กคืออะไร 3 ตำแหน่ง หรือ 6 ตำแหน่ง บางคนบอก 6 ตำแหน่งยังเล็กอยู่ อย่าไปพูดว่าปรับเล็กหรือใหญ่เลย เอาไว้ถึงเวลาเหมาะสมเกิดขึ้นเอง

ยืนยันมีการหารือกันก่อนปรับ ครม.

เมื่อถามว่า การตัดสินใจปรับครม.หรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายกฯ คนเดียว ตรงนี้จำเป็นต้องปรึกษาใครหรือไม่ หรือต้องให้เกียรติพรรคร่วมอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าการทำงานของตนตั้งแต่เป็นนักธุรกิจมา จนเข้าสู่เวทีการเมือง ตนให้เกียรติเพื่อนร่วมงานทุกคน เพราะฉะนั้น การจะทำอะไรต้องมีการพูดคุยอยู่แล้วเป็นธรรมดา แต่แน่นอนตนเป็นคนจรดปากกาเซ็น    

พรรคร่วมไม่เคยขู่ ปมปรับ ครม.

เมื่อถามว่า มีคนมองนายกฯทำงานเด็ดขาดจริงจัง อย่าเอาอะไรมาขู่ ไม่เช่นนั้นจะโดนเชือดคอได้ นายกฯ ยิ้มก่อนจะตอบว่า ตนเชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนจากทุกพรรคการเมืองที่ร่วมกัน เขารู้อยู่แล้วว่าการทำงานร่วมกันไม่มีการขู่ เราพูดคุยกันดีอยู่แล้ว และตนก็เข้าถึงง่ายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะช่องทางไหน มีอะไรก็พูดกันตรงๆ ไม่ได้มีอะไรเลย 

วานนี้ตนก็ต่อสายตรงถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เรื่องอื่นก็ต่อสายตรงถึงกันตลอด ท่านเองไม่เคยขู่ตน ตนก็ไม่เคยขู่ท่าน ตนว่าเป็นวิธีเดิมๆ โบราณๆ จะเอาอะไรพูดกันตรงๆ ดีกว่า ปรับปรุงแก้ไขกันไประหว่างทาง แบบนี้ตนเชื่อว่า ถ้าเป็นวิธีนี้ผลประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับพี่น้องประชาชน ตนมาวันนี้ทุกพรรคก็มา เพื่อไทยไม่ได้มีสส.ที่นี่ ก็เป็นปมทางใจนิดหน่อย แต่ไม่มีอะไร ก็พูดคุยกัน กับนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ก็พูดคุยกันดี และเจอแม่นายชัชนะ สสใภูมิใจไทยก็มา 2 คน สส.พลังประชารัฐก็มาจาก จ.ตรัง ก็ไม่ได้แยกพรรค แยกสีอะไร 

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เราเป็นรัฐบาลแล้ว ทุกท่านทราบดีปัญหาของประชาชนเยอะเหลือเกิน งบประมาณก็เพิ่งผ่าน ตจอนนี้ก็ต้องมานั่งคุยกัน วันนี้ สส.ตรัง ก็เอาโครงการมาเสนอ นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม จะไปพิจารณาดูต่อ ตรงนี้เราให้ความสำคัญสูงสุดอยู่แล้ว 

“ชัยชนะ” ยันมาต้อนรับนายกฯลงพื้นที่ไม่เกี่ยวการเมือง

ขณะที่นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาร่วมรับนายเศรษฐาทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในระหว่างการลงพื้นที่ พร้อมให้สัมภาษณ์ ว่า ตนเองมาในฐานะ สส. นครศรีธรรมราช จึงมาต้อนรับในฐานะที่เป็นเจ้าของพื้นที่ เนื่องจากนายรัฐมนตรีมาลงพื้นที่ในวันนี้ 

เมื่อถามว่าการมารอต้อนรับในครั้งนี้ อยู่ในช่วงกระแสจับมือดันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐบาล นายชัยชนะ ยืนยันว่า ไม่มี ไม่ใช่เรื่องการเมือง อย่าไปคิดแบบนั้น ยังเป็นฝ่ายค้านเหมือนเดิม ที่มาวันนี้ไม่มีนัยยะอะไร 

ส่วนเป็นการผูกสัมพันธ์กับฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ นายชัยชนะ ย้ำว่า ไม่มี เพราะการที่เป็น สส. นครศรีธรรมราชก็เป็นหน้าที่ที่ต้องมารอรับนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ฉะนั้น อย่าไปมองว่าที่มารับต้องไปผูกพันธ์ หรือผูกมัดอะไร 

นายชัยชนะ ย้ำว่า อย่ามองทุกอย่างเป็นมิติทางการเมือง แต่ต้องมองทุกมิติในการทำหน้าที่ ซึ่งตนมารับในหน้าที่ สส. พร้อมยืนยันว่า วันนี้ประชาธิปัตย์ ยังเป็นฝ่ายค้านอยู่ ฉะนั้นหากมองการเมืองตนจะไปไหนได้ ซึ่งท่านมาผมก็จะนำความเดือดร้อนของพี่น้องไปรายงานให้ท่าน พร้อมยืนว่า ไม่ได้เพราะมีข่าวที่จะร่วมรัฐบาล และวันนี้ตนก็ยังเป็นฝ่ายค้านอยู่ 

ส่วนกรณีที่ ก่อนหน้านี้ตนจี้ให้นายกรัฐมนตรีเปิดชื่อคนที่ปล่อยข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลนั้น นายชัยชนะ ระบุว่า ตนเชื่อว่านายกฯ พูดท่านก็ทราบอยู่แล้ว ว่าต้องพูดตอนไหน อย่างไร ซึ่งตนได้ถามไปแล้ว แต่นายกฯ จะตอบอย่างไรก็เป็นเรื่องของนายกฯ

เมื่อถามย้ำว่าคิดอย่างไรที่ช่วงนี่นายกฯ ลงพื้นที่ภาคใต้บ่อย และฝ่ายค้านอภิปรายว่านายกฯ ไม่ให้ความสนใจในพื้นที่ภาคใต้ นายชัยชนะ มองว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่นายกฯ ให้ความสำคัญกับพื้นที่ภาคใต้ ท่านเป็นนายกฯ ของคนไทย 67 ล้านคน ซึ่งการลงพื้นที่ภาคใต้หลายจังหวัดก็เป็นสิ่งที่ดี ฉะนั้น ตนที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน เมื่อมีผู้บริหารเข้ามาก็ต้องให้การต้อนรับ และนำเสนอสิ่งที่ประชาชนต้องการ