svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"เศรษฐา" ขอให้เลิกถามเรื่องปรับ ครม. หลังพบ "ทักษิณ" ชี้เมื่อถึงเวลารู้เอง

"เศรษฐา" รับห้ามความคิดใครไม่ได้กรณีเข้าพบ "ทักษิณ" จนถูกมองประเทศมีนายกฯหลายคน ย้ำพร้อมเจออดีตผู้นำทุกคนเพื่อฟังคำแนะนำทำให้บ้านเมืองเดินหน้า ขอสื่อเลิกถามปรับคณะรัฐมนตรี ชี้เมื่อถึงเวลาทุกคนจะทราบเอง

26 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นเรื่องให้ถูกโฟกัสภายหลัง "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษ จนมีการตั้งคำถามโดยเฉพาะศูนย์รวมอำนาจทางการเมือง จากทำเนียบรัฐบาล ไปเป็นบ้านจันทร์ส่องหล้า

โดย "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ระหว่างวันที่ 27-29 ก.พ. ถึงการเข้าพบนายทักษิณ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา จนมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีนายกรัฐมนตรี 2 คน 3 คน โดยตนเชื่อว่าเรื่องที่พูดถึง เป็นของแต่ละคน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการกระทำ วันนี้ (26ก.พ.) บอกว่าตนไม่ใช่นายกฯ คนเดียว ก็ไม่ได้เปลี่ยนวิธีการทำงานของตน ซึ่งยังทำงานทุกวันเหมือนเดิม ยังลงพื้นที่ทำงานทุกวันเหมือนเดิม ตนห้ามการเปลี่ยนแปลง และวิธีคิดของคนไม่ได้

ทั้งนี้ ก็ยังทำงานต่อไป ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้โกรธ น้อยใจ หรืออะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ตื่นเช้าไปทำงาน พรุ่งนี้ประชุม ครม. และลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลับมาก็ลงพื้นที่ต่อที่ จ.ศรีสะเกษและร้อยเอ็ด จากนั้นก็มีการประชุม ครม. ต่อในวันที่ 3 มี.ค. และวันที่ 4 มี.ค. ก็จะเดินทางไปประชุมอาเซียนออสเตรเลีย ก่อนเดินทางต่อไปที่เยอรมนีและฝรั่งเศส ก็ยังทำงาน ห้ามไม่ได้ 

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่านี่คือสังคมไทย นายทักษิณก็เป็นนายกฯ ที่ได้รับความนิยมชมชอบสูงสุดคนหนึ่ง ตนเองก็ชื่นชอบนายทักษิณ นโยบายก็ดี ถ้านายทักษิณอยากให้คำปรึกษาตนก็พร้อมรับ เช่นเดียวกับอดีตนายกฯ คนอื่นๆ เช่น นายอานันท์ ปันยารชุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งตนเพิ่งรับตำแหน่งได้ 6 เดือน ต้องรับฟังข้อมูล คำเสนอแนะของผู้ใหญ่ แต่กาลเวลาก็เปลี่ยนไป บางอย่างอาจทำได้ในสมัยก่อน แค่บางอย่างต้องเปลี่ยนแปลง หน้าที่ตนคือรับฟัง แล้วไปวิเคราะห์ว่าสามารถทำได้หรือไม่ 

 

"วาทกรรม นายก 1 2 3 4 มันไม่เกี่ยวหรอก คุยเรื่องความดีดีกว่า ทุกๆนายกฯ อยากให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ถึงแม้จะเป็นฝ่ายตรงข้าม หรือฝ่ายเดียวกันก็ตามที ตอนนี้เป็นหน้าที่ผมในฐานะผู้บริหารสูงสุด นายกรัฐมนตรีต้องมีการกลั่นกรองข้อมูล ตรงไหนทำได้ก็ทำ" นายเศรษฐา ระบุ

 

เมื่อถามว่า การเข้าพบครั้งที่ผ่านมาเป็นการเข้าเยี่ยม และจะมีแผนเข้าพบเพื่อขอคำปรึกษาอีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่อยู่ในแผน แต่ก็มีรัฐมนตรีบางคนเข้ามาถามว่า จะเข้าไปเยี่ยมได้หรือไม่ ซึ่งตนก็บอกว่าตามสบาย แล้วแต่เลย เป็นผู้บังคับบัญชาเก่า เป็นนายเก่า ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ถามไถ่สารทุกข์ สุขดิบ "บางท่านมีประวัติยาวนานกว่าผมเยอะ รู้จักกันมา 20-30 ปีแล้ว ไม่เจอกันมา 10 กว่าปี ตามธรรมเนียมคนไทยต้องไปเยี่ยมเยียนกันบ้าง ไม่ได้คิดอะไร" 

เมื่อถามว่า วันก่อนนายกรัฐมนตรีบอกว่าจะได้เจอ พล.อ.ประยุทธ์ ระหว่างร่วมงานในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา นายเศรษฐา กล่าวว่า ในงานวันดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ไปร่วมงานด้วย แต่หากได้เจอกันในงานพิธี ก็มีการพูดคุยกัน ครั้งที่แล้วก็พูดคุยกันชั่วโมงกว่า

ส่วนวันที่เข้าพบนายทักษิณ ได้มีการพูดคุยเรื่องปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ย้อนถามว่า "เรื่องอะไรนะครับ" พร้อมทำหน้านิ่งก่อนจะตอบว่า "คำถามนี้ผมว่าไม่ควรจะถามนะ" เพราะนายทักษิณ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคณะรัฐมนตรี

 

"ผมก็ยืนยันตลอดเวลา พวกคุณก็ถามทุกวัน ถามทุกหน ที่มีการถาม ผมก็บอกไปแล้ว คำตอบก็คือคำตอบเดิม จะพูดทำไมว่าปรับคณะรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีก็พยายามทำงานอยู่ แต่เมื่อพูดไป บางคนก็อาจจะนอยด์ บางคนก็อาจจะไม่สบายใจ ผมเชื่อว่าวันนี้เราต้องเดินหน้าทำงานกันดีกว่า เมื่อถึงเวลาต้องปรับ พวกท่านก็ทราบกันเองว่าต้องปรับ และผมก็เป็นคนทูลเกล้าฯ ถวายเอง" นายเศรษฐา กล่าว 

 

"อนุสรณ์" ย้ำหยุดขยี้ปมนายกฯ 2-3 คน ประชาชนไม่ได้ประโยชน์

ขณะที่ "นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่นายเศรษฐา เข้าเยี่ยมอาการป่วยนายทักษิณนั้น ว่า รัฐบาลประชาชนที่นำโดยนายเศรษฐา ทำงานมา 6 เดือน โชว์วิสัยทัศน์ประกาศ Thailand Vision ยกระดับประเทศไทย 8 ด้าน สู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก

ทั้งนี้ นายเศรษฐา เป็นนายกฯที่ขยันขันแข็ง ทำงานโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ยิ่งรัฐบาลสร้างมาตรฐานการทำงานไว้สูงแค่ไหน ฝ่ายค้านยิ่งต้องเร่งยกระดับการทำงานตามให้ทัน ไม่เช่นนั้นประเด็นที่เห็นต่างเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับรัฐบาลแล้วฝ่ายค้านจะไม่มีน้ำหนัก และไม่ได้เสนอสิ่งใหม่ที่เป็นทางเลือกและทางออกให้กับประชาชน

 

"รัฐบาลเศรษฐา มีจุดแข็งเรื่องทำงานแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ ถ้าฝ่ายค้านยังคงจมปลักวนเวียนอยู่กับแต่การเปิดประเด็นทางการเมืองหวังดิสเครดิตรัฐบาลเป็นการเมืองแบบเก่า จุดพลุประเทศไทยมีนายกฯพร้อมกัน 2 คน แล้วจุดไม่ติด จะไปสร้างประเด็นต่อเป็นมีนายกฯเพิ่ม 3-4 คน ก็คงไม่สามารถทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาลได้" นายอนุสรณ์ กล่าว