16 มีนาคม 2567 นอกจากศึกอภิปรายทั่วไปของสมาชิกวุฒิสภา ที่ได้กำหนดให้เป็นวันที่ 25 มี.ค. แล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งเวทีที่รัฐบาลต้องเผชิญ คือ สส. ซึ่งได้ล็อกวันให้เป็นช่วงต้นเดือน เม.ย. นี้
โดย "นายพิทักษ์เดช เดชเดโช" สส.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การดำเนินการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 152 ระหว่าง วันที่ 3 – 4 เม.ย. ถึงแม้ว่า เวลาอภิปรายจะมีเพียงแค่ 2 วัน ซึ่งไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ประชาชนติดตามทวงถาม และมีเรื่องคาใจเกี่ยวกับนโยบายการบริหารงานของรัฐบาลเป็นจำนวนมาก แต่ทางฝ่ายค้านและพรรคประชาธิปัตย์ก็จะทำหน้าที่ในการอภิปรายฯ อย่างดีที่สุด
ทั้งนี้ ประเด็นที่ทางพรรคประชาธิปัตย์จะดำเนินการอภิปรายนั้น จะมีอยู่ 3 ประเด็นหลักๆ คือ
ทั้งนี้ ทางฝ่ายค้านและพรรคประชาธิปัตย์ จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญฯ เพื่ออภิปรายสอบถามไปยังรัฐบาล โดยหวังว่า รัฐบาลจะมีคำตอบให้ทางสภาและประชาชน ได้ความกระจ่างและเป็นที่พอใจ
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ ต้องการสอบถามอีกมากมาย เช่น ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ขณะนี้มีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ซึ่งไม่ใช่เป็นภัยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ประเด็นเรื่องสองมาตรฐานในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งมองว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดินออกจากสนามบินจนกระทั่งได้รับการปล่อยตัวออกมานั้น จำเป็นจะต้องได้รับคำตอบจากรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพราะการปล่อยให้นักโทษตามคำพิพากษาคนหนึ่ง มีสิทธิพิเศษเหนือกว่ามนุษย์ จนถูกเรียกเป็น "นักโทษเทวดา" ถือว่า รัฐบาลเองเป็นผู้สร้างปัญหาความเหลื่อมล้ำให้กับคนในสังคมที่ปฏิบัติตนตามกฎหมาย และทำลายหลักนิติรัฐอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเศรษฐกิจที่รัฐบาลประกาศว่า เป็นรัฐบาลที่ "คิดใหญ่ทำเป็น" แต่เห็นว่า บรรดากุนซือเศรษฐกิจของรัฐบาล พยายามสร้างมายาคติให้เห็นว่า เศรษฐกิจไทยมีปัญหา จึงจำเป็นต้องมาแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เป็นต้น
"ผมจึงอยากเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีช่วยมาตอบคำถามที่ทาง สส.พรรคฝ่ายค้าน ได้เตรียมการอภิปรายเอาไว้ เพราะถ้าไม่มาหรือมาแล้วแต่ตอบไม่ตรงคำถาม หรือได้คำตอบไม่ชัดเจน รัฐบาลก็จะต้องรับผลสะท้อนจากประชาชน ด้วยความรู้สึกที่ประชาชนเริ่มไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วย" นายพิทักษ์เดช กล่าว
ซัด "เพื่อไทย" ควรเป็นรัฐบาลใจกว้าง
ขณะที่ "นายราเมศ รัตนะเชวง" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ "นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ออกมาตอบโต้กรณีที่มีการติติงเรื่องกระบวนการยุติธรรมปลายทาง ว่า เป็นฝ่ายรัฐบาลต้องใจกว้าง แล้วต้องสื่อสารบนพื้นฐานความเป็นจริง
คุณธรรมแบบไหนโกงเวลาติดคุก
"การจะมากล่าวหาคนที่พูดท้วงติงเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยว เป็นคนไม่มีคุณธรรมจริยธรรมนั้น เป็นตรรกะที่ผิดเพี้ยน หลอกตัวเองกันทั้งพรรค เพื่อพูดเอาใจนาย นี่คือมีคุณธรรมสูงส่งอย่างนั้นหรือ เห็นกระบวนการทำลายกระบวนการยุติธรรมเป็นคนมีจริยธรรมล้นฟ้าอย่างนั้นหรือ ประเทศไทยไม่เคยมีกรณีโกงเวลาติดคุก เช่นนี้คือมีคุณธรรมจริยธรรมสูงส่งอย่างนั้นหรือ" นายราเมศ กล่าว
นักการเมืองดีต้องดูภาคปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม นักการเมืองที่ดี ต้องดูภาคปฏิบัติ มีอำนาจแล้วโกงหรือไม่ ใช้อำนาจตามอำเภอใจไม่สนใจหลักกฎหมายของบ้านเมืองหรือไม่ สิ่งเหล่านี้จะออกมาเมื่อมีอำนาจ ไม่มีใครขัดแย้งกันในนามส่วนตัว แต่การกระทำที่ไม่ถูกต้องต่างหาก ที่จำเป็นต้องขัดแย้งกัน