13 เมษายน 2567 จากกรณีกองทัพอิสราเอล เตรียมพร้อมระดับสูง เพื่อรับมือการโจมตีจากอิหร่าน และสหรัฐฯ ห้ามเจ้าหน้าที่สถานทูตในอิสราเอลออกนอกเมืองสำคัญ ในขณะที่อิหร่านเผยการชำระแค้นยังอาจเลี่ยงได้ หากคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นประณามอิสราเอลกรณียิงถล่มสถานกงสุลอิหร่านในซีเรีย ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้
ล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) โพสต์ข้อความแจ้งเตือนผ่านโซเชียลมีเดีย X เช้าวันนี้ (13 เม.ย.) แจ้ง เตือนคนไทย ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไป ตะวันออกกลาง รวมทั้ง อิสราเอล และ อิหร่าน ในช่วงเวลานี้ หากไม่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเนื้อหาข้อความระบุว่า..
ตามที่มีเหตุความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเพิ่มมากขึ้น
รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศมีความเป็นห่วงพี่น้องคนไทยในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรง จึงได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตในภูมิภาคติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้จัดทำประกาศแจ้งเตือนคนไทยให้เตรียมความพร้อม รวมถึงแนวปฏิบัติในภาวะฉุกเฉินด้วยแล้ว
จึงขอให้พี่น้องคนไทยตื่นตัว และติดตามการประกาศและการแจ้งเตือนต่าง ๆ ของสถานทูตไทยในภูมิภาคอย่างใกล้ชิด โดยขอให้ประชาชนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางไปพื้นที่ดังกล่าว หากไม่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ในกรณีฉุกเฉินพี่น้องคนไทยสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือเร่งด่วนได้ที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศต่าง ๆ ทุกแห่ง
ขณะที่ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เตือนคนไทยท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล โดยทวิตข้อความ บนแอปพลิเคชัน X หรือ ทวิตเตอร์ ระบุว่า
"ได้รับรายงานจากสถานทูตไทยที่ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดที่กำลังเพิ่มมากขึ้นระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน และมีความห่วงกังวลต่อความปลอดภัยของพี่น้องคนไทยที่อาจรับผลกระทบในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ขอให้พี่น้องคนไทยติดตามประกาศและการแจ้งเตือนต่างๆ ของสถานทูตนะครับ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน"
เตรียมแผนอพยพคนไทย
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล และอิหร่านว่า ได้มีการแจ้งเตือนพลเมืองไทยในอิสราเอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อช่วงเช้าก็มีความเคลื่อนไหวพอสมควร ฉะนั้น ต้องมีการเฝ้าระวัง โดยกระทรวงการต่างประเทศของไทย ก็มีการเตรียมความพร้อม หากมีการยกระดับความรุนแรงขึ้น ก็ต้องดูแลประชาชนคนไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศได้มีการรายงานถึงความกังวลของประชาชนในพื้นที่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่มีการรายงานมาแต่อย่างใด และยอมรับว่า เป็นเรื่องที่น่าเป็นกังวล เพราะเมื่อ 7 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ก็มีความรุนแรงระหว่างกลุ่มฮามาส และอิสราเอล ซึ่งขณะนั้น ได้มีการส่งเครื่องบินไปรับแรงงานไทยกลับประเทศ และมีแรงงานบางส่วนเดินทางกลับไปอีก แต่แน่นอนว่า รัฐบาลจะต้องดูแล พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลมีความพร้อมเตรียมแผนรองรับอพยพคนไทยออกจากพื้นที่
ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้ออกประกาศแจ้งเตือนคนไทยในอิสราเอล ไม่ให้ตื่นตระหนก และปฏิบัติตามหลักปฏิบัติ อาทิ เมื่อได้ยินเสียงไซเรน ให้เข้าห้องนิรภัยทันที ติดตามข่าวสารจากท้องถิ่น เตรียมเสบียง น้ำดื่ม และแบตเตอรี่สำรองให้พร้อม เป็นต้น