svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"บิ๊กเด่น" แถลงสั่งโอน 14 คดี "แอม ไซยาไนด์" ให้กองปราบฯ ทำ

03 พฤษภาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผบ.ตร. แถลงมติประชุมโอน 14 คดี “แอม ไซยาไนด์” ให้กองปราบฯ กำชับทุกช่วยทำงาน หากพบศพตายไม่ทราบสาเหตุ ปราม “อาจารอ็อด” ระวังการให้ข้อมูล อาจทำเสียรูปคดี มั่นใจหลักฐานใช้ในชั้นศาลได้

3 พฤษภาคม 2566 ความคืบหน้ากรณีที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เรียกประชุมคณะทำงาน คลี่คลายคดี "แอม ไซยาไนด์" ทั้งหมดในทุกพื้นที่เกิดเหตุ ทั้งจากตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 4 , ตำรวจภูธรภาค 7 , กองปราบปราม , เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวช รพ.ตร.

มีรายงานว่า จะมีคำสั่งให้รวมสำนวนคดีทุกพื้นที่ ไว้ที่กองบังคับการปราบปราม มี ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนโดยตำแหน่ง เนื่องจากกองปราบ อยู่ในเขตอำนาจสอบสวนของศาลอาญา จะทำให้การทำสำนวนมีความรัดกุม และเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

ภายหลัง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ได้เรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. , ตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 4 ,ตำรวจภูธรภาค 7 , กองปราบปราม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ มาประชุมของคณะทำงานคลี่คลายคดี  "แอม ไซยาไนด์"  ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นานกว่า 2 ชั่วโมง

พร้อมเปิดเผยภายหลังว่า วันนี้มีการประชุม ติดตามความคืบหน้าทางคดี โดยทาง ตร. พบความเชื่อมโยงจากการเสียชีวิต ของผู้เสียหาย 14 ราย รอดชีวิต 1 ราย รวมเป็น 15 ราย ปัจจุบันออกหมายจับแล้ว 14 คดี ยังมีสงสัยอีก 2 - 3 คดี
\"บิ๊กเด่น\" แถลงสั่งโอน 14 คดี \"แอม ไซยาไนด์\" ให้กองปราบฯ ทำ


 

โดยที่ประชุมลงมติให้โอนทั้ง 14 คดี ให้กองบังคับการปราบปราม ดำเนินการ มีหัวหน้าคณะสืบสวน คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และในคณะประกอบด้วย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ซึ่งสั่งให้เร่งรัดดำเนินการทุกวัน ทำงานร่วมกัน เพื่อให้ได้พยานหลักฐานที่แน่นหนา ในการเอาผิดกับผู้ต้องหา
อัปเดตเหยือ "แอม ไซยาไนด์"

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ได้มีการออกแนวทางให้พนักงานสอบสวน กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช ต้องมีการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ จากนี้กรณีพบการตายไม่ทราบสาเหตุ พนักงานสอบสวนจะไม่ทำงานโดยลำพัง แต่ต้องมีทุกหน่วย ทั้งกองพิสูจน์หลักฐาน , แพทย์นิติเวช เข้ามาช่วย 
หากแพทย์นิติเวช ตามโรงพยาบาลในต่างจังหวัด ไม่สามารถตรวจสอบ ให้ประสานนำส่งมาตรวจที่โรงพยาบาลของรัฐ หรือส่งมาที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เป็นหลัก และให้เจ้าหน้าที่ พฐ.เก็บพยานหลักฐานเหตุที่ควรต้องสงสัย

อย่างไรก็ตามใน 14 คดีที่ดำเนินคดีแล้ว ตำรวจได้ย้อนกลับไปเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทำให้มีหลักฐานประกอบในสำนวนคดีต่าง ๆ มากขึ้น การค้นหา "ไซยาไนด์" ประสานกรมโรงงาน อย. พบแหล่งที่มาอยู่ระหว่างคัดแยกว่าส่วนไหนที่ส่งถึง "แอม ไซยาไนด์"  
\"บิ๊กเด่น\" แถลงสั่งโอน 14 คดี \"แอม ไซยาไนด์\" ให้กองปราบฯ ทำ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการส่งพยานหลักฐานให้ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ “อาจารย์อ๊อด” ช่วยตรวจสอบครั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ระบุว่า ถือเป็นการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ จากนี้พยานหลักฐานทั้งหมด จะเข้าตามระบบ ส่วนหลักฐานของ อ.อ๊อด ยืนยันเอาไปใช้ในชั้นศาลได้ แต่ตำรวจสื่อสารไปแล้วเรื่องการให้ข้อมูลสู่สาธารณะ หลังจากนี้ต้องระมัดระวังเนื่องจากจะมีผลต่อรูปคดี

ทั้งนี้ แม้ไม่มีพยานที่รู้เห็นตอน "แอม ไซยาไนด์" หยอด "ไซยาไนด์" ในอาหาร หรือน้ำดื่ม ให้ผู้เสียหาย แต่คดีนี้ตำรวจมีประจักษ์พยาน พยานแวดล้อม และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์แน่นหนา เอาผิดผู้ต้องหาได้ทุกคดีแน่นอน
 รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ “อาจารย์อ๊อด”   

- “บิ๊กโจ๊ก” เตรียมเรียกคนใกล้ชิดสอบ ย้ำเหยื่อทุกรายถูกสารไซยาไนด์ 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้คดีที่เกี่ยวข้อง เหลือเพียงคดีในส่วนที่ สน.ทองหล่อ ซึ่งวันจันทร์ ที่ 8 พ.ค. นี้ ตำรวจจะขอศาลออกหมายจับได้ เนื่องจากการสอบสวนอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว สำหรับตำรวจยศ สิบตำรวจเอก ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2565 ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า เกี่ยวข้องกับ "แอม" ด้วยหรือไม่ เบื้องต้นแพทย์ยืนยันว่า ป่วยด้วยโรคมะเร็ง แต่ทั้งหมดนี้ ต้องมีการสืบสวนโดยละเอียดอีกครั้ง

ส่วน พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ รองผู้กำกับอ๊อฟ อดีตสามี "แอม" ตำรวจพบว่า มีการหย่าร้างทางนิตินัย แต่ทั้งสองยังคงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่ได้เลิกกันจริง ส่วนที่ไปมีสามีใหม่ คือ นายแด้ จุดประสงค์ "แอม" คือต้องการทรัพย์สิน เนื่องจาก "แอม" ทราบมาว่า "นายแด้" มีทรัพย์สินจำนวนมาก
พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ รองผู้กำกับอ๊อฟ อดีตสามีแอม
 

ซึ่งการสืบสวนของตำรวจเป็นการขยายพื้นที่ ตั้งต้นที่จังหวัดอุดรธานี ทั้งนี้คดีของ "นายแด้" เชื่อว่า รองผู้กำกับฯ มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะหลังก่อเหตุ "แอม" ให้ รองผู้กำกับฯ ไปเอารถของ "นายแด้" ที่จังหวัดอุดรธานี จากนั้นทั้งสองไปตระเวนทวงเงินจากลูกหนี้ของ "นายแด้"

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า แอมไม่เคยให้คำตอบเรื่องหย่า แต่สามีที่เป็นรองผู้กำกับฯ ตอบว่า เหตุผลที่หย่ากับ "แอม" เพราะทำผิดหลายอย่าง ตนที่รับราชการเป็นตำรวจ กลัวว่า จะโดนความผิด และได้รับความเดือดร้อนไปด้วย จนถึงขณะนี้อดีตสามีของแอม ยังไม่มีการรับสารภาพว่า ร่วมก่อเหตุฆาตกรรมกับ "แอม" จากนี้ในส่วนของคนรอบข้างผู้ต้องหาทั้ง 2 ตำรวจจะยังมีการติดตามตัวมาสอบปากคำในฐานะพยานเพิ่มเติมอีก
นายแด้ อดีตสามีและเหยื่อของ "แอม ไซยาไนด์"

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวถึง พยานคนใหม่ในคดี ซึ่งเป็นภรรยาน้อยของ "รองผู้กำกับอ๊อฟ" ที่ตำรวจเรียกมาให้ปากคำที่สโมสรตำรวจ เวลา 18.00 น. วันนี้ เพื่อสอบถามความเชื่อมโยงในคดี เนื่องจากพบว่า "รองผู้กำกับอ๊อฟ - แอม - และภรรยาน้อย" ทั้ง 3 ซึ่งรู้จักกันดี เดินทางไปที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังแอมก่อเหตุ เพื่อสร้างแหล่งที่อยู่ว่า แอมไม่ได้อยู่ในจุดเหตุฆาตกรรม ในท้องที่ สภ.บ้านโป่ง
รถยนต์ของนายแด้  

- เร่งตรวจเส้นทางการเงินโยง รองอ็อฟ คาด 5 พ.ค.รู้ผล

สำหรับทรัพย์สินทั้งหมดที่ "แอม" ได้มาจากผู้เสียหาย ตำรวจกำลังรวบรวม ซึ่งเมื่อวานนี้ (2 พ.ค.) ได้ไปเจอร้านทองในจังหวัดนครปฐม มีใบเสร็จที่ "แอม" นำทองมาขาย ทางร้านที่รับซื้อได้หลอมไปแล้ว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวยืนยันว่า ผู้เสียหายทั้ง 15 ราย "แอม" ใช้ "ไซยาไนด์" ทั้งหมด ไม่ว่าในรูปแบบเป็นน้ำ , อาหาร , ยาเม็ดแคปซูล ,

ปัญหาการเงิน เป็นมูลเหตุจูงใจในการฆ่า ใช้วิธีการโอนเงิน ทั้งแบบหลอกรับจำนำรถยนต์ ขอกู้ยืม เพราะแอมล้มเหลว ด้านการเงิน มีหนี้บัตรเครดิตจำนวนมาก ทั้งนี้สอดคล้องกับข้อมูล จากการตรวจค้นที่บ้านพักพี่สาวแอม ที่พบแคปซูลเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ในแคปซูลมีการปนเปื้อน "ไซยาไนด์"

สำหรับข้อมูลการใช้โทรศัพท์ การโอนเงิน การทำธุรกรรมธนาคาร เส้นทางการเงินทั้งหมด เพื่อหาความเชื่อมโยงระหว่าง "รองผู้กำกับอ๊อฟ" กับ "แอม" ตำรวจจะได้รับข้อมูลภายในวันศุกร์ ที่ 5 พ.ค. นี้ รวมไปถึงบัญชีม้าที่แอมใช้เอง
 

logoline