จากกรณีมีการแชร์คลิปจากกล้องวงจรปิด ซึ่งระบุว่า เกิดขึ้นที่ "หมู่บ้านเอื้ออาทรปัญญารามอินทรา" เป็นภาพที่น่าสะเทือนใจอย่างยิ่ง ในภาพมีเด็ก 3 คน นั่งอยู่บริเวณบันได ก่อนที่เด็กคนหนึ่งจะลุกขึ้นวิ่งหนีไป จากนั้นมีชายคนหนึ่งเดินลงมาจากบันไดอย่างรวดเร็วและถีบเด็กเสื้อสีแดงจนกระเด็น จากนั้นเข้าไปกระทืบซ้ำบริเวณศีรษะอีกหลายที แล้วอุ้มเด็กที่ยังนั่งอยู่อีกคนขึ้นมา แล้วกลับไปกระทืบเด็กคนเดิมซ้ำ
นายอำนาจ ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุยังไม่ได้กลับเข้าไปนอนที่บ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่อาศัยมานาน 8 ปี รู้จักกับพ่อของเด็กที่ถูกทำร้ายประมาณปีกว่าๆ แต่ไม่สนิทสนม เพียงแค่ทักทายกันเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ ลูกชายบอกว่า ถูกเด็กคนดังกล่าวแกล้งอยู่บ่อยๆ ก่อนเกิดเหตุ ลงมาข้างล่างลูกก็บอกว่าถูกเด็กคนเดิมแกล้งอีกแล้ว ต่อมาขณะที่อยู่ในห้องพัก ชั้น 5 ได้ยินเสียงลูกร้องดังมาก ก็วิ่งลงมาเห็นลูกล้มลง เห็นเด็กคนดังกล่าวกำลังพยุงลูกผมพร้อมกับบอกว่า อย่าร้อง เดี๋ยวพ่อได้ยิน ขณะนั้นเด็กๆ หลายคนกำลังวิ่งหนี ด้วยความโมโหจึงกระทำไปตามที่เห็นในคลิป ยอมรับว่าไม่เห็นเหตุการณ์ว่ามีการแกล้งกันหรือไม่ ในใจคิดว่า ลูกชายถูกแกล้ง
ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุได้เดินทางไปที่ สน.คันนายาว เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายโดยเป็นการกระทำที่ทารุณโหดร้าย ตามมาตรา 296 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท ขณะที่ผู้ก่อเหตุได้ขอโทษพ่อของเด็กที่ถูกทำร้าย และบอกด้วยว่า ทำไปเพื่อปกป้องลูก
อย่างไรก็ตาม ทีมงานรายการ "คม ชัด ลึก" ได้สอบถามผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านที่เกิดเหตุ ทราบว่า ผู้ก่อเหตุพาลูกมาฝากให้เลี้ยง เขาเป็นคนเงียบๆ ไม่เคยมีปัญหาหรือมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใคร เขารักลูกมาก ปกติลูกเมียต้องการอะไรเขาก็จะพยายามหามาให้ แต่ก็ทราบว่า เลิกรากับภรรยา ซึ่งอาจจะมีส่วนทำให้เขาเครียด ปกติแล้วเขาจะไม่ปล่อยให้ลูกลงมาเล่นกับใคร แต่ไม่ทราบว่าวันเกิดเหตุทำไมถึงปล่อยให้ลงมาเล่น
หลังเกิดเหตุ และมีการแชร์คลิปออกไปในโลกโซเชียลกันอย่างแพร่หลาย ในช่วงค่ำวันที่ 4 ตุลาคม มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนหนึ่งเดินทางมา และจะทำร้ายผู้ก่อเหตุ แต่ถูกห้ามปราม จึงไม่เกิดเหตุร้ายขึ้น
วิทัศน์ เตชะบุญ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กล่าวว่า ในกรณีนี้ จะต้องเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาทั้งสองฝ่ายคือ ทั้งฝ่ายผู้กระทำ และผู้ถูกกระทำ เบื้องต้นทราบว่า เด็กที่ถูกกระทำดีขึ้นกว่าเดิม ร่าเริง สภาพจิตใจดีขึ้น ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ก่อนหน้านี้มีอาการหวาดกลัว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะติดตามอย่างต่อเนื่อง ส่วนลูกของผู้ก่อเหตุ ขณะนี้ถูกนำมาอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัว
หากผู้ก่อเหตุถูกศาลตัดสินจำคุก เด็กก็จะยังได้รับการดูแลจากกรมกิจการเด็กและเยาวชนต่อไป แต่หากมีญาติจะรับไปดูแล ก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้เป็นพ่อ
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การดูแลลูก ต้องมีสติ ดูแลด้วยความรัก จะต้องไม่ปล่อยให้ความรักไปทำร้ายจิตใจ หรือมิตรภาพ รวมถึงโอกาสที่จะเดินหน้าต่อไปในอนาคต
กรณีที่ผู้ใหญ่ได้ยินเสียงร้องของเด็ก แล้วผู้ใหญ่เข้าไปดูแลสถานการณ์เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องไม่ทำให้เกิดสถานการณ์รุนแรง ต้องมีสติ คุ้มครองให้เด็กทุกคนปลอดภัย หากเห็นเด็กกำลังทำร้ายซึ่งกันและกัน ต้องแยกเด็กออกจากกันก่อน ตรวจสอบดูว่าเด็กแต่ละคนมีบาดแผลหรือไม่ จากนั้นจึงดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ต่อไป โดยไม่ใช้ความรุนแรง