อุทยานฯ vs ชาวบ้าน....ใครงานเข้าที่เกาะเสม็ด

คำบอกเล่าที่สะท้อนถึงความอัดอั้นตันใจของชาวบ้านและผู้ประกอบการบนเกาะเสม็ด แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังกลางทะเลระยอง เพราะวันนี้พวกเขาหมดความอดทนกับปัญหารอบด้านที่เกิดขึ้นบนเกาะที่เคยถูกมองว่าเป็นแดนสวรรค์แห่งนี้ โดยเฉพาะปัญหาแนวเขตอุทยานแห่งชาติเกาะเสม็ด-เขาแหลมหญ้า ทับซ้อนกับที่ดินทำกินของชาวบ้านและสถานประกอบการ ซึ่งยืดเยื้อมานานหลายปี
พื้นที่กว่า 4,200 ไร่บนเกาะเสม็ด มีการออกพระราชกฤษฎีกำหนดให้เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติฯ เมื่อปี 2524 จำนวน 3,500 ไร่ ที่เหลืออีกราวๆ 700 ไร่เป็นที่ของกรมธนารักษ์ เพราะกองทัพเรือเคยครอบครองใช้ประโยชน์เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศทางทะเลตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มีการตั้งด่านทหารบนเกาะเสม็ด และการฝึกซ้อมรบของทหารเรือ ตลอดจนใช้เป็นที่ตั้งประภาคาร และบ้านพักผู้รักษาประภาคาร
สรุปก็คือพื้นที่เกือบทั้งหมดของเกาะเสม็ด เป็นที่ดินของรัฐ ทั้งๆ ที่มีชาวบ้านอยู่มาก่อน จึงมีการกำหนดแนวเขตพื้นที่ในความดูแลของ 2 หน่วยงานเอาไว้อย่างชัดเจน ซึ่งชาวบ้านดั้งเดิมที่อาศัยอยู่บนเกาะก็ยึดเป็นแนวปฏิบัติมาตลอดหลายสิบปี แต่ระยะหลังกลับถูกไล่จับดำเนินคดี เพราะแนวเขตที่ดินเปลี่ยนแปลงไปนายกสมาคมท่องเที่ยวเกาะเสม็ด เผยปัญหาแนวเขตอุทยานฯ ยืดเยื้อมานานกว่า 30 ปี ถึงวันนี้ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง เพราะชาวบ้านและผู้ประกอบการล้วนได้รับผล กระทบจากการถูููกเจ้าหน้าที่ตรวจยึด ไล่รื้อ จับกุม แม้บางรายเช่าพื้นที่ของกรมธนารักษ์ ก็ยังประสบปัญหา ขณะที่บางรายทำกินมาก่อนการประกาศเขตอุทยานฯ ฉะนั้นจึงอยากให้มีการพิสูจน์และตรวจสอบสิทธิ์ของที่ดินทุกแปลงบนเกาะ

ปรากฎการณ์การรวมตัวกันของชาวบ้านและผู้ประกอบการหลายสิบราย แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะที่ผ่านมาทุกคนคิดแค่ว่าต่างคนต่างอยู่เพื่อความอยู่รอด แต่วันนี้พวกเขาทั้งหมดได้ออกมาบอกเล่าถึงเรื่องราวที่ถูกซุกไว้ใต้พรมมาเนิ่นนาน และกำลังกลายเป็นบทพิสูจน์การแก้ปัญหาแบบบูรณาการที่รัฐบาลและหนวยงานภาครัฐชอบพูดกัน...ว่าจะจัดการปัญหาได้จริงหรือไม่