ไซดา มูนา ทัสนีม เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศประจำประเทศไทยกล่าวว่ากิจกรรมนี้เป็นประโยชน์ในการอธิบายถึงขั้นตอนขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ตลอดจนพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ
เป็นครั้งแรกที่คณะทูตได้สัมผัสกับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ผู้เป็นตำนาน ท่านทูตบอกว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีความสำคัญต่อชาวบังกลาเทศ ท่านทรงเยี่ยมผู้คนในกรุงธากาเมื่อปี พ.ศ.2505 และท่านทรงประคับประคองและทรงเอาใจใส่ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศตลอดมา
เชค จาซิม อับดุลเราะห์มา อาล-ษานี เอกอัครราชทูตรัฐกาตาร์ บอกว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นที่รักของชาวการ์ต้า ด้วยความเคารพและเทิดทูน โดยเป็นเพราะทั้งสองประเทศมีการติดต่อแลกเปลี่ยนกันและกันในระดับประชาชนต่อประชาชน ทั้งนี้ท่านทูตบอกว่ารัฐบาลรัฐกาตาร์ตระหนักถึงความสำคัญของพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ และมีแผนที่จะส่งตัวแทนระดับสูงของรัฐการ์ต้ามาเข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯด้วย
ฉั่ว ซิ่ว ซาน เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย กล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคปัจจุบัน เธอบอกว่าประชาชนเรียกท่านว่าเป็นพระมหากษัตริย์ของประชาชน เนื่องจากท่านทรงทำหลายสิ่งหลายอย่างให้กับประชาชน เพราะฉะนั้น เธอบอกว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจที่จะเห็นประชาชนชาวไทยรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ หลังการจากไปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
แมรี โจ เอ แบร์นาร์โด-อารากน เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทย บอกว่าชาวฟิลิปปินส์ยังระลึกถึงการเยือนฟิลิปปินส์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9ในช่วงปีพศ 2516 ในช่วงรัฐบาลของ ดิออสดา มากาปากัลป์ อีกทั้งเมื่อท่านทรงริเริ่มความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งประเทศฟิลิปปินส์และไทย อย่างเป็นทางการในปี 2492
คณะทูตานุทูตจาก 65 ประเทศ ซึ่งรวมทั้งประเทศ กัมพูชา แคนนาดา สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี และ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เยี่ยมชม โรงราชรถ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยมีพระมหาพิชัยราชรถ ที่เป็นราชรถหลักที่ใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ 9