เร่งเกี่ยวข้าวก่อนกรมชลฯ ผันน้ำเข้าทุ่ง

ชาวชาวนา ใน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ในทุ่งรับน้ำ เร่งเกี่ยวข้าวก่อนกำหนด หลังกรมชลฯ ขอให้พบกันครึ่งทาง เตรียมผันน้ำเข้าทุ่ง วันที่ 1 ต.ค.นี้ขณะที่วันนี้กระทรวงสาธารณะลงพื้นที่ ช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงนางบุญเรือน เกิดกล้า หนึ่งในชาวนา อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ในพื้นที่ทุ่งรับน้ำได้ว่าจ้างรถเกี่ยวมาเก็บเกี่ยวก่อนกำหนด ตามที่กรมชลประทานขอความร่วมมือ ก่อนจะมีการผันน้ำเข้าทุ่ง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ บอกว่าจำใจต้องเก็บเกี่ยวข้าว ซึ่งยังได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย และไม่คิดว่าปีนี้น้ำจะท่วม หลังจาก 2 ปี ที่ผ่านมาทำนาได้เพียงปีละครั้งเพราะประสบกับภัยแล้ง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานความเสียหายของพื้นที่ทางการเกษตรในภาคกลาง อยู่ที่ 5-6 หมื่นไร่ กระจายในพื้นที่ 10 จังหวัด โดยรัฐกำลังเร่งดำเนินการช่วยเหลือ ทั้งยังเตือนว่า พระนครศรีอยุธยาเตรียมรับมวลน้ำก้อนใหญ่ เพราะใน ระหว่าง 30 ก.ย.-1 ต.ค. กรมอุตุฯ คาดจะมีฝนตกหนักทางภาคเหนือและภาคกลาง
ล่าสุดสถานการณ์น้ำท่วมลุ่มเจ้าพระยา มีพื้นที่ อ.เสนา อ.บางบาล อ.ผักไห่ อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางไทร อ.บางปะอิน รวม 6 อำเภอ ประชาประชาชนได้รับผลกระทบ 70 หมู่บ้าน 34,646 ครัวเรือน
ส่วนวันนี้ นพ.กิตติศักดิ์ กลับดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่เยี่ยมผู้สูงอายุที่ประสบภันลบน้ำท่วม ซึ่งหลายคนมีโรคประจำตัว เช่นเบาหวาน ความดัน และบางส่วนเป็นอัมพาตติดเตียงที่ต้องพบแพทย์เพื่อรับยาเป็นประจำ เมื่อเกิดน้ำท่วมก็ไม่สามารถมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ได้ จึงให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จัดทีมตรวจเยี่ยมอาการและส่งยาไม่ให้ขาดในส่วนของการระบายน้ำ กรมชลประทานเร่งระบายน้ำลงทะเล เพื่อรองรับน้ำที่เกิดจากฝนตกหนักทางภาคเหนือและภาคกลาง โดยเขื่อนเจ้าพระยามีแนวโน้มระบายน้ำในอัตรา 2,000 ลบ.ม./วินาที และ เขื่อนพระราม 6 จะปล่อยในอัตรา 600 ลบ.ม./วินาที ในประมาณกลางสัปดาห์นี้ จะทำให้พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย คลองบางหลวง คลองบางบาล ระดับน้ำจะสูงขึ้นจากปัจจุบัน 50-75 ซม. และน้ำในแม่น้ำป่าสักในเขต อ.ท่าเรือ นครหลวง ระดับน้ำจะสูงขึ้น 1-1.50 เมตร โดยกระทรวงเกษตรฯ ได้หารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ผันน้ำเข้าทุ่ง ในวันที่ 1 ต.ค. 59 เพื่อตัดยอดน้ำ และเก็บน้ำไว้ใช้ต่อไป