กรมศิลป์ลงสำรวจ "ตึกบุญพัฒน์-ตึกระนอง" เตรียมทำเป็นพิพิธภัณฑ์
ภูเก็ต - กรมศิลป์ลงพื้นที่สำรวจ "ตึกบุญพัฒน์-ตึกระนอง" ขณะที่ ร.พ.วชิระภูเก็ต ยืนยันจะไม่มีการรื้อ เตรียมขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ พบสภาพตึกเสียหายค่อนข้างมาก ต้องใช้เวลาศึกษาข้อมูล
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 27 ส.ค.59 นายขจร มุกมีค่า รองอธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยนางสาวสุขกมล วงศ์สวรรค์ หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง สถาปนิก และภูมิสถาปนิก ลงพื้นที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อตรวจสอบสภาพตึกบุญพัฒน์และตึกระนอง ซึ่งเป็นตึกเก่าอายุกว่า 90 ปี เนื่องจากมีการแชร์ข้อมูลผ่านทางโซเซียลว่า จะมีการรื้อตึกดังกล่าวทิ้ง เพื่อนำพื้นที่ไปสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ขนาด 298 เตียง โดยได้รับงบประมาณปี 2560 จำนวน 303 ล้านบาท จนเกิดกระแสการต่อต้านค่อนข้างหนัก
มีนายสมบูรณ์ หวังแต่ธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำตรวจสอบตึกเก่าภายในโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ประกอบด้วย ตึกบุญพัฒน์ ตึกระนอง และตึกศรีพัชรินทรานุสรณ์ โดย เป็นกลุ่มอาคารที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตได้ยื่นขอจดทะเบียนโบราณสถานกับทางกรมศิลปากรไปก่อนหน้านี้แล้ว
นายขจร มุกมีค่า รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เนื่องจากได้รับมอบหมายจากหลังจากอธิบดีกรมศิลปากรให้มาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และตรวจสอบสภาพของตึกเก่า หลังรับทราบข้อมูลผ่านสื่อมวลชนและโซเชียลกรณีคัดค้านการรื้อตึกเก่าภายในโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่
และจากการหารือกับผู้บริหารโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ได้คำตอบที่ชัดเจนว่า จะไม่มีการรื้อตึกเก่าดังกล่าวแล้ว แต่จะไปดำเนินการบริหารจัดการเพื่อก่อสร้างตึกใหม่บริเวณพื้นที่เดิมที่กำหนดไว้ คือ บริเวณโรงซักฟอก
"กลุ่มอาคารตึกเก่า คือ ตึกบุญพัฒน์ ตึกระนอง และตึกศรีพัชรินทรานุสรณ์ นั้นก่อนหน้านี้ทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตได้ยื่นเรื่องของขึ้นทะเบียนกับทางกรมศิลปากรไว้แล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าตึกบุญพัฒน์และตึกระนอง นั้นมีความเสียหายมากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นพื้น หลังคา และผนัง ซึ่งจะต้องมีการมาสำรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมทั้งการรวบรวมข้อมูลภาพถ่ายของตึกในอดีต เพื่อมาประกอบการออกแบบปรับปรุง คงต้องใช้เวลาพอสมควร จึงยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะใช้งบประมาณเท่าใดแต่คาดว่าไม่เกินหลังละ 5 ล้านบาท ขณะเดียวกันจะต้องมีการปรับปรุงในส่วนของภูมิทัศน์โดยรอบด้วย เพราะระหว่างกลางตึกจะมีบ้านพักอีก 2 หลังซึ่งอาจจะต้องทำการรื้อออก ส่วนของตึกศรีพัชรินทรานุสร นั้นขณะนี้การออกแบบปรับปรุงเสร็จแล้ว เหลือเพียงเสนออธิบดีกรมศิลปากร ลงนามในแบบ โดยจะใช้งบประมาณในการดำเนินจำนวน 3.6ล้านบาท และยังไม่ทราบว่าจะใช้งบประมาณจากส่วนใด ซึ่งจะต้องพิจารณาต่อไป"
นายขจร กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ทางกรมศิลปากรจะร่วมกับโรงพยาบาลวชิระ ภูเก็ต วางแผนในการบูรณะกลุ่มตึกเก่าของโรงพยาบาลต่อไป โดยในทางปฏิบัตินั้นสามารถที่จะขึ้นทะเบียนด้วยการประกาศชื่อซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที เพราะเป็นอำนาจของอธิบดีกรมศิลปากร หลังจากนั้นค่อยดำเนินการขึ้นทะเบียนอาคารเป็นโบราณสถาน แต่วิธีการนี้จะค่อนข้างต้องใช้เวลา เพราะมีขั้นตอนดำเนินการมากกว่า เนื่องจากต้องมีการหารือกันในหลายๆ ฝ่าย ทั้งเจ้าของตึกและผู้ที่จะได้รับผลกระทบเพราะเมื่อขึ้นทะเบียนแล้วจะมีระเบียบต่างๆ เกี่ยวกับใช้อาคารค่อนข้างมาก
ขณะที่นายสมบูรณ์ หวังแต่ธรรม รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหาร โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่า ผลจากการหารือร่วมกันของคณะทำงานที่ทางโรงพยาบาลแต่งตั้ง ประกอบด้วยฝ่ายบริหารและฝ่ายที่คัดค้านการ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่า จะไม่มีการรื้อตึกเก่าดังกล่าวแล้ว และประสานกองแบบและแผน กระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งวิศวกรและสถาปนิกมาดูพื้นที่แล้ว ได้ข้อสรุปว่า จะก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ในจุดเดิมตามที่ได้ออกแบบไว้เดิม คือ บริเวณโรงซักฟอก แม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องของชั้นหินที่จะต้องมีการขุดเจาะ ซึ่งเป็นเรื่องของการบริหารจัดการ
ในส่วนของตึกเก่านั้นก็จะดำเนินการบูรณะเป็นอาคารเพื่อการอนุรักษ์ต่อไป และจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของโรงพยาบาล รวมถึงการนำอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มาจัดแสดงให้บุคคลทั่วไปได้รับทราบ เช่น เครื่องเอกซ์เรย์เครื่องแรกที่นำเข้ามาจากประเทศสิงคโปร์ มีอายุเกือบ 100 ปี ตู้บริจาคเลือด เครื่องมือทางการแพทย์ เป็นต้น พร้อมทั้งจะได้มีการปรับภูมิทัศน์ให้มีความเหมาะสม เพื่อเป็นสถานที่ในการพักผ่อนด้วย
