svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ชี้ชาวพุทธอ้าง "บุญ" ทำศาสนาพุทธเสื่อม แนะมีสติ ใคร่ครวญก่อนให้ทาน อย่าหลงเชื่อง่าย

27 กุมภาพันธ์ 2558
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตามกรณีที่มีข่าวคาวในวงการพระพุทธศาสนายืดเยื้อยาวนาน BU Theatre Company ภาควิชาศิลปะการแสดง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้จัดเสวนาในหัวข้อ การบิดเบือนความเชื่อทางพุทธศาสนา พุทธพาณิชย์ ผิดหรือถูก ขึ้นเมื่อวันที่ 26 ก.พ.2558 ที่ผ่านมา โดยมี พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ถกประเด็นการทำบุญที่แท้จริงคืออะไร?

ตอนหนึ่งว่าตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาจะสอนเรื่องของทุกข์และการดับทุกข์ แต่ขณะนี้คำสอน ความเชื่อกลับถูกบิดเบือนไป โดยมีต้นเหตุมาจากเรื่องของบุญ คนไทยไม่ได้ทำบุญเพื่อเป็นเครื่องชำระจิตใจให้สะอาด ไม่ได้เน้นพุทธวิธี แต่กลับไปเน้นเรื่องทำบุญมากเพื่อหวังผลร่ำรวยในรูปแบบพุทธพิธี เชื่อว่ายิ่งทำมากได้มาก และคนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดทำบุญเพื่อทำนุบำรุงพุทธศาสนา แต่ทำทุกอย่างเพราะเชื่อว่าญาติโยมที่เสียชีวิตไปแล้วจะได้รับส่วนบุญกุศลในอีกภพหนึ่ง และต้องการให้การถวายเงินซึ่งทำได้ง่ายเป็นการสะสมบุญในชาติต่อไป
การทำบุญ ไม่ใช่เป็นเรื่องของการทำมากหรือทำน้อย แต่เป็นเรื่องของวิธีการชำระ ฟอกใจมนุษย์ เป็นการให้ทาน เช่น การบิณฑบาต พระสงฆ์ออกบิณฑบาตเพื่อให้คนรู้จักการให้ รวมถึงเพื่อให้พระได้เผยแพร่หลักธรรมคำสอน แต่ทุกวันนี้พระสงฆ์ออกบิณฑบาต เวลามีญาติโยมตักบาตรให้จะต้องสวดมนต์ให้ยาวขึ้น หากไม่ทำจะถูกโยมต่อว่าได้ อีกทั้งพระสงฆ์ส่วนใหญ่เดินบิณฑบาตตามตลาด หรือเลือกหมู่บ้านใหญ่ๆมีรถรับส่ง ซึ่งความจริงแล้วทำไม่ได้ เพราะพระต้องออกบิณฑบาตได้ทุกที่
อย่างไรก็ตาม ยากที่จะเปลี่ยนแปลงความเชื่อของคนให้มาทำนุบำรุงศาสนาแทนการขอบุญ เพราะความเชื่อแพร่กระจายเร็วมาก ดังนั้น ทุกคนต้องมีสติ ใคร่ครวญก่อนให้ อย่าทำบุญโดยกระทบฐานะและโลภแห่งตน รวมถึงอย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ โดยเฉพาะการโกหก เช่น ก่อนหน้านี้มีการโกหกว่าจะจัดงานบิณฑบาตพระจำนวนหนึ่งล้านองค์ ซึ่งจะเป็นจริงไม่ได้ เพราะพระสงฆ์ในประเทศไทย มีเพียง 3แสนองค์ เท่านั้น
นอกจากนั้น การถวายปัจจัยพระ ห้ามบอกว่าถวายส่วนตัว แต่ให้บอกว่าถวายพระพุทธศาสนา ไม่เช่นนั้นก็จะทำให้เกิดปัญหาทะเลาะวิวาทระหว่างลูกหลานของพระกับกรรมการวัดอย่างที่เห็นตามข่าว อีกทั้ง มีหลายวัดไม่กล้าให้ตรวจสอบบัญชีเงินของวัด แต่สำหรับวัดสวนแก้วสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด แล้วจะรู้ว่าที่วัดแทบไม่มีเงิน เมื่อใดที่เงินในบัญชีมีจำนวนมากๆ ก็จะถูกเบิกจ่ายออกมาเพื่อบริจาคเป็นการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนทั้งหมด ไม่มีการสะสมจนถึงร้อยล้าน พันล้าน
พระพยอม กล่าวต่อว่าตอนนี้ชาวพุทธมักจะเชื่อง่าย ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันหาทางออก และชาวพุทธควรมีสติ ปรับความเชื่อให้ตรงกับหลักคำสอน ถ้าพระวัดไหนพูดไม่จริงก็อย่าไปเชื่อ และการทำนุบำรุงศาสนาไม่ใช่การทุ่มเงินไปกับวัตถุให้แก่วัด หรือสร้างเครื่องรางของขลัง และควรมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องพุทธพาณิชย์ ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจว่าเป็นการเป็นการขายของเกี่ยวกับศาสนา ต้องปรับเปลี่ยนความเชื่อใหม่ เพราะไม่จำเป็นต้องนำสิ่งของมีค่ามาถวายวัด ขณะที่ไสยพาณิชย์ เป็นเรื่องของการหลอกลวง ไม่มีอะไรจริง อยากให้ชาวพุทธภาวนาจิตที่ไม่ใช่แค่การหลับตา แต่ต้องมีสติ รู้สึกพอใจ เป็นการภาวนาในทุกอิริยาบถ เพราะหากไม่มีการปรับเปลี่ยนศาสนาพุทธคงบอกช้ำกว่านี้
ด้าน ภิกษุณีธัมมนันทา (นามเดิม รศ.ดร.ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์)วัดทรงธรรมกัลยาณี ต.พระประโทน จ.นครปฐม กล่าวว่าการที่คนมาบวชเป็นพระสงฆ์หรือภิกษุณี ก็เพื่อเพียรพยายามดับทุกข์ให้สิ้น เป้าหมายสู่นิพพาน ซึ่งถ้าพระระลึกแบบนี้ได้ ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องเงินพันล้านในพระพุทธศาสนา และการนำเงินเข้าวัด โดยอ้างว่าเป็นการทำนุบำรุงศาสนานั้น เป็นการทำให้คนบ้าบุญ พระก็คิดหาเรื่องให้คนเข้าวัดทำบุญ การสร้างอุโบสถใหญ่โต วัตถุมากมายเพื่อทำพิธีสังฆกรรม ทั้งที่อุโบสถควรสถานที่ที่เล็กที่สุดในวัด เพราะการทำพิธีดังกล่าวใช้พระเพียง 21 รูปเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องสร้างอุโบสถให้ใหญ่โต

ชี้ชาวพุทธอ้าง "บุญ" ทำศาสนาพุทธเสื่อม แนะมีสติ ใคร่ครวญก่อนให้ทาน อย่าหลงเชื่อง่าย


สังคมปัจจุบัน เป็นสังคมบ้าบุญ หลายคนพยายามนำของดีของเลิศมาถวายพระ เพื่อให้ได้ของดีของเลิศนั้นกลับมา ซึ่งเป็นวิธีคิดแบบวัตถุนิยม แต่ไม่ได้เหมาะสมกับสมณะรูปเลยแม้แต่น้อย ญาติโยมต้องพิจารณาและเข้าใจว่าของที่จะนำไปถวายวัดมีความจำเป็นหรือไม่ อย่าไปยึดติดสมบัติของญาติโยม ต้องจำไว้ว่าเราเข้ามาวัด มาโบสถ์ เพื่อเข้าไปทำบุญ เงินเพียงเล็กน้อยก็ได้บุญ ไม่จำเป็นต้องถวาย 5,000 ล้านบาท อย่าตกเป็นเหยื่อของการทำบุญ
สังคมไทย เป็นสังคมที่ยึดติดกับความร่ำรวยประชาชนเสพติดการถวายเงิน เพื่อขอพรให้ร่ำรวย พระแทนที่ให้สมณสัญญาแก่ญาติโยมกลับตามใจญาติโยม ทำให้พระก็หวังร่ำรวยไปด้วย ศาสนาจึงไปผิดทิศผิดทางอย่างที่เห็น
ภิกษุณีธัมมนันทา กล่าวต่อว่าเวลานี้ทุกคนแสวงหาความสุขที่เน้นความสบายกายมากกว่าสบายใจ ดังนั้น ต้องมาตั้งหลักชั่งน้ำหนักว่าจะให้สุขใจหรือสบายกาย ต้องอยู่ในกระบวนการเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้แจ้ง และสร้างฐานจิตให้เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ใช่สนใจอดีตและกังวลอนาคต รวมถึงอะไรที่ผิดไปจากคำสอนของพระพุทธเจ้าต้องช่วยกันปรับปรุง เสนอแนะให้ถูกต้อง เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นมาจากตัวพระ และชาวพุทธที่ต้องการแสวงหาความสุข มุ่งซื้อวัตถุธรรมเพื่อให้สบายใจ เราต้องเข้าใจเรื่องคำสอนของพรพุทธเจ้าที่เน้นย้ำเรื่องของความจริง พูดแต่ความจริงพิสูจน์ได้ไม่ใช่บิดเบือนศาสนา
นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ (ส.ศิวรักษ์) นักคิดและนักเขียนอิสระ กล่าวว่าความเชื่อศาสนาพุทธ คือมนุษย์เปลี่ยนความโลภเป็นการให้ เปลี่ยนความเกลียด เป็นความรัก และเปลี่ยนความโง่ ให้เป็นการเห็นแจ้งเห็นจริง ซึ่งทุกคนสามารถเข้าถึงพุทธภาวะได้โดยไม่ต้องห่มผ้าเหลือง การทำบุญ และถือศีล เป็นเพียงวิธีหนึ่งในการเข้าถึงศาสนา เพื่อทำนุบำรุงให้ศาสนาคงไว้ในประเทศ
เมื่อก่อนพระสงฆ์ อยู่ได้ด้วยการออกบิณฑบาตอย่างเดียว อยู่ใต้ต้นไม้ ยาก็นำปัสสาวะมาผสม แต่ทุกวันนี้ พวกเจ๊ก จีน ที่ขายสังฆภัณฑ์แถวเสาชิงช้าหรือ พุทธพาณิชย์ พวกนี้ทำเสียหายหมด บรรจุของที่ไม่จำเป็นให้ผู้บริโภคซื้อ หลอกลวง ซึ่งของเหล่านั้นก็สะสมอยู่ที่วัด ดังนั้น คนทำให้พระเสียคน และพระก็พร้อมจะเสียคน แถมตอนนี้พุทธพาณิชย์ไม่ใช่โยมทำแต่พระก็ทำด้วย
เช่นเดียวกับ สังฆทาน เมื่อก่อนวัสดุที่ใช้ทำมาจากกระทงไม่ใช้ภาชนะที่ใช้แล้ว แต่ทุกวันนี้เป็นกระป๋อง ถุงพลาสติก สกปรกวัดไปหมด พระเองก็ไม่สอนคนแล้วจะให้คนเปลี่ยนความโลภเป็นการให้ทานได้อย่างไร
เมื่อสาระความเชื่อกลายไป ทำให้เกิดความบิดเบือน อ้างว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ทุกวันนี้ทุนนิยม บอกว่าคุณจะต้องรวยถึงจะได้บุญ เปิดช่องให้วัดธรรมกายเป็นสัญลักษณ์ของทุนนิยมบริโภคนิยมที่สมบูรณ์ มีหลายอย่างที่พระทำโดยไม่ใช่หน้าที่ของพระ คนที่บริโภคทุนนิยมแบบสุดๆ คือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวัดธรรมกาย ด้วยการโยงการเมืองเข้าในวัด เห็นอย่างนี้พระเป็นหัวคะแนนที่แพงที่สุด ดังนั้น พระต้องรู้เท่าทันการเมือง เศรษฐกิจสังคม เอาตัวเองมาประยุกต์นำสังคมได้อย่างไร
ส.ศิวรักษ์ กล่าวอีกว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้ถือพุทธ แต่ถือความเชื่อ ถือผี ถือไสยศาสตร์ และเราถูกล้างสมองมาพันปีที่ต้องทำบุญกับพวกห่มเหลือง พระมีประโยชน์ถ้าพระเป็นสมณะแต่ตอนนี้ไม่ใช่ พระสวดมนต์เพราะหาเงิน ขณะที่คนใส่บาตรเพราะต้องการถูกหวย เลอะเทอะ เสียพื้นฐานไปหมดแล้ว ศาสนาพุทธไม่มอมเมาด้วยความเชื่อ เรื่องที่ว่าชาติหน้ามี ชาติหลังมีเป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ ศาสนาพุทธบอกแต่สิ่งที่พิสูจน์ได้เท่านั้น ฉะนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องพัฒนาเรื่องการศึกษา ให้คนมีความรู้ ไม่ถูกมอมเมาให้เชื่อไรผิดๆ และคนไปวัด เพราะวัดเป็นอารามที่ร่มรื่น ร่มเย็น สงบ วิเวก มีผู้ถือศีล มีผู้สมณะที่มีกิจธุระน้อยกว่าเรา เป็นตัวอย่างที่แตกต่างไปจากสังคมกระแสหลัก แต่วัดตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว
วัดต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมสมัยใหม่ ต้องยึดศีล สมาธิ ปัญญาเป็นหลัก ลดความเหลื่อมล้ำ ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ลดความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่เช่นนั้น ก็จะเป็นการส่งเสริมให้เกิดวัดธรรมกายที่ร่ำรวยโดยไม่มีเหตุผล อาศัยลาภและยศ หลอกคนโง่นิมนต์พระไปสวดถวายปัจจัย 1 แสนบาท ทั้งหมดเป็นเรื่องทุกขัง เวลานี้พระรุ่นใหม่มุ่งแต่อวดอุตริ อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ แม้ศาสนาจะเข้าขั้นวิกฤต แต่เชื่อว่าในอนาคตจะดีขึ้นได้ เพราะธรรมะย่อมชนะอธรรม รวมถึงต้องมีการจัดเก็บภาษีวัด ตรวจสอบบัญชีเงินให้โปร่งใสจะทำให้วัดสะอาดมากขึ้น รวมถึงควรมีการส่งเสริมให้เกิดภิกษุณี ซึ่งจะช่วยภิกษุสงฆ์ที่เลวร้ายให้ฟื้นขึ้นมา ส.ศิวรักษ์ กล่าวปิดท้าย

ชี้ชาวพุทธอ้าง "บุญ" ทำศาสนาพุทธเสื่อม แนะมีสติ ใคร่ครวญก่อนให้ทาน อย่าหลงเชื่อง่าย

logoline